หทเย นิเธตพฺพยุตฺตกํ
(ข้อความที่ควรเก็บไว้ในหทัย)
[๕๓๐]
ความดีไม่ทำให้เกิดโทษ
การรู้ความจริงของสิ่งที่มีจริงทำให้ละคลายความไม่รู้ เมื่อละคลายความไม่รู้ ความติดข้องในสิ่งที่ไม่รู้ก็น้อยลง เพราะฉะนั้นเมื่อความติดข้องน้อยลง ความขุ่นเคืองใจก็ต้องน้อยลงด้วย การกระทำใดๆ ที่เป็นฝ่ายที่รุนแรง ก็ลดน้อยลงตามลำดับเพราะมีความเข้าใจขึ้น เพราะฉะนั้นก็จากชีวิตประจำวันจริงๆ ที่เราได้ยิน ๓ คำนี้บ่อยๆ คือ โลภะโทสะ โมหะ เป็นอกุศล แต่ก็ต้องไตร่ตรองด้วย เป็นโทษจริงๆ ตั้งแต่น้อยจนถึงมาก
แล้วก็ธรรมที่เป็นประโยชน์เป็นคุณไม่ให้โทษเลยก็คือ อโลภะ (ความไม่ติดข้อง) ค่อยๆ เห็นแล้ว ถ้าไม่ติดข้อง ถ้าเป็นได้จริงๆ ทีละเล็กทีละน้อย จะสบายสักแค่ไหนไม่เดือดร้อนที่จะต้องไปแสวงหา ไม่เดือดร้อนว่าสิ่งนั้นพลัดพรากจากไป เพราะเหตุว่าไม่มีความติดข้อง แต่แสนยากเพราะเหตุว่า ติดข้องมานานแสนนาน หนทางเดียวก็คือว่าปัญญา ความเห็นที่ถูกต้องค่อยๆ เห็นตรงตามความเป็นจริง
ด้วยเหตุนี้ธรรมที่ไม่มีโทษเลย ไม่นำความทุกข์ความเดือดร้อนมาให้เลยก็คือ อโลภะ ความไม่ติดข้อง ซึ่งจะทำให้ไม่ขุ่นเคืองคือ อโทสะ แล้วก็จะทำให้รู้ความจริงเป็นปัญญาคือ อโมหะ สภาพธรรมทั้งหลายจึงจะสามารถค่อยๆ ลดทางฝ่ายอกุศล แล้วก็เพิ่มทางฝ่ายกุศลขึ้น
เพราะฉะนั้นแม้แต่เพียง ๓ คำ (คือ โลภะ โทสะ โมหะ) ก็ต้องคิด ต้องไตร่ตรอง ต้องพิจารณา ต้องเข้าใจจริงๆ ไม่ใช่รู้คำแปล แล้วก็บอกว่ามีโทษมาก เมื่อไหร่? เดี๋ยวนี้เห็นไหม? มีหรือเปล่า? เป็นโทษระดับไหน? เห็นแล้วติดข้องแค่นี้เป็นโทษแล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อติดข้องแล้วยังไม่รู้ ยังยึดถืออย่างมั่นคงว่าเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เที่ยง เพิ่มโทษคือความเห็นผิดความเข้าใจผิดไม่ตรงตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั้น นี่เพียงเริ่มนิดๆ หน่อยๆ แล้วถ้ามากขึ้นๆ จะเป็นอย่างไร?
กราบเท้าบูชาคุณ ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
อ่านหัวข้ออื่นๆ คลิกที่นี่ ... เก็บไว้ในหทัย
ขออนุโมทนาครับ