พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 337
อาฆาตวรรคที่ ๒
๑. ปฐมอาฆาตวินยสูตร
ว่าด้วยธรรมระงับความอาฆาต ๕ ประการ
[๑๖๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมเป็นที่ระงับความอาฆาตซึ่งเกิดขึ้นแก่ภิกษุโดยประการทั้งปวง ๕ ประการนี้ ๕ ประการเป็นไฉน? คือ ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงเจริญเมตตาในบุคคลนั้น ๑ ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงเจริญกรุณาในบุคคลนั้น ๑ ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงเจริญอุเบกขาในบุคคลนั้น ๑ ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงถึงการไม่นึกไม่ใฝ่ใจในบุคคลนั้น ๑ ความอาฆาตพึงบังเกิดขึ้นในบุคคลใด พึงนึกถึงความเป็นผู้มีกรรมเป็นของๆ ตนให้มั่นในบุคคลนั้นว่าท่านผู้นี้เป็นผู้มีกรรมเป็นของๆ ตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิดมีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใด ดีก็ตาม ชั่วก็ตามจักเป็นทายาท (ผู้รับผล) ของกรรมนั้น ดังนี้ ๑ ภิกษุพึงระงับความอาฆาตในบุคคลนั้น ด้วยประการฉะนี้.
จบปฐมอาฆาตวินยสูตรที่ ๑
ผู้ที่เจริญเมตตาย่อมเกื้อกูลอุปการะกุศลธรรมอื่นๆ ให้เจริญขึ้นด้วย และขณะที่เมตตาเกิด ขณะนั้นจะไม่มีมานะความสำคัญตนว่าเก่งกว่า มีความรู้ ฯลฯ ไม่อิสสาไม่มีโทสะ ไม่มีความตระหนี่
พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 745
ข้อความบางตอนจาก ...
อรรถกถาสติปัฏฐานสูตร
ละพยาบาทด้วยธรรม ๖ ประการ อีกอย่างหนึ่ง ธรรม ๖ ประการ ย่อมเป็นไปเพื่อละพยาบาท คือการเรียนเมตตานิมิต ๑ การบำเพ็ญเมตตาภาวนา ๑ การพิจารณาว่า สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน ๑ ความเป็นผู้มากด้วยการพิจารณา ๑ ความเป็นผู้มีกัลยาณมิตร ๑ การสนทนาถึงเรื่องที่เป็นสัปปายะ ๑.
อธิบายว่า เมื่อพระโยคาวจรแม้เรียนเมตตาอยู่ ด้วยอำนาจการแผ่ไปโดยเจาะจงทิศ และไม่เจาะจงทิศ อย่างใดอย่างหนึ่ง พยาบาทอันเธอย่อมละได้. แม้เมื่อพระโยคาวจรเจริญเมตตา โดยแผ่ไปสู่ทิศโดยเจาะจง พยาบาท อันเธอย่อมละได้. เมื่อพระโยคาวจร พิจารณาเห็นว่าคนและคนอื่นมีกรรมเป็นของตนอย่างนี้ว่า เจ้าโกรธเขาแล้ว จักทำอะไรได้ เจ้าจักสามารถทำคุณธรรมมีศีลเป็นต้น ของเขาให้พินาศได้หรือ เจ้ามาตามกรรมของตนแล้ว ก็จักไปตามกรรมของตนนั่นเอง มิใช่หรือ? ชื่อว่า การโกรธคนอื่นเป็นเหมือนกับการที่บุคคลประสงค์จะคว้าเอาเถ้าที่ปราศจากเปลว หลาวเหล็กที่ร้อนและคูถเป็นต้น ขว้างปาบุคคลอื่น ถึงเขาโกรธเจ้าแล้วก็จักทำอะไรให้ได้ เขาจักสามารถให้คุณธรรมมีศีลเป็นต้น ของเจ้าพินาศได้หรือ? เขามาตามกรรมของตน ก็จักไปตามกรรมของตนเหมือนกัน ความโกรธนั้นก็จักตกรดหัวเขานั่นแหละ เหมือนของที่ส่งไป ไม่มีใครรับ (ก็จะกลับมาหาผู้ส่ง) และเหมือนกำฝุ่นที่ซัดไป ทวนลม (ก็จะปลิวกลับมาถูกผู้ขว้าง) ฉะนั้นบ้าง
พิจารณาเห็นว่า ทั้งคนทั้งคนอื่น มีกรรมเป็นของตนและดำรงอยู่ในการพิจารณาบ้าง คบหากัลยาณมิตรผู้ยินดีในเมตตาภาวนา เช่น พระอัสสคุตตเถระบ้าง, พยาบาทอันเธอย่อมละได้. เธอย่อมละพยาบาทได้ แม้ด้วยการสนทนาถึงสิ่งที่เป็นสัปปายะเกี่ยวเนื่องด้วยเมตตา ในอิริยาบถทั้งหลาย มีอิริยาบถยืนและนั่งเป็นต้น ก็พระโยคาวจรย่อมรู้ชัดว่า พยาบาทที่ละได้แล้ว ด้วยธรรม ๖ ประการนี้ จะเกิดขึ้นไม่ได้ต่อไป ด้วยอนาคามิมรรค.
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ขออนุโมทนาค่ะ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ