คำที่มีค่าที่สุด
โดย khampan.a  17 ธ.ค. 2562
หัวข้อหมายเลข 31376

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ประมวลสาระสำคัญ

จากการสนทนาธรรม

ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า

วันจันทร์ที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๒




~ พระภิกษุ คือ ผู้ที่ไม่ใช่คฤหัสถ์ คฤหัสถ์ คือ ชาวบ้านธรรมดา แต่พระภิกษุ เป็นผู้ที่ได้ฟังพระธรรมแล้วมีความเข้าใจและรู้จักอัธยาศัยของตนเองที่จะขัดเกลากิเลสในเพศบรรพชิต คือ ประพฤติตามพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าพระองค์จะประพฤติอย่างไร พระภิกษุในพระธรรมวินัย ก็จะต้องประพฤติปฏิบัติตามทั้งกายวาจาและใจ ต้องเป็นการขัดเกลากิเลสทั้งหมด เพราะเหตุว่า พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า หมดจดจากกิเลส ทรงแสดงหนทางที่จะให้ละความไม่ดีทั้งหมด ถ้าใครยังไม่เห็นว่าตัวเองไม่ดี ก็ไม่คิดที่จะละ แต่จากการได้ฟังคำของพระองค์ ก็เริ่มเห็นโทษที่มีในตนว่า สิ่งใดเป็นสิ่งที่เป็นโทษเป็นภัย ควรที่จะให้ละลดคลายลงจนกว่าจะดับหมดสิ้น เริ่มรู้จักพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและคำสอนของพระองค์ ว่า นำไปสู่การที่จะละสิ่งที่ไม่ดีทั้งหมดที่เป็นอกุศล
~ ขณะนี้ต้องทราบว่าพระภิกษุไม่ใช่คฤหัสถ์เพราะสะสมมาที่จะสละเพศคฤหัสถ์ ปวช (บวช) คือ สละทั่วไม่เว้นเลย เงินทองรับไม่ได้ อาหารเย็นหลังเที่ยงแล้วก็บริโภคไม่ได้ ทุกเรื่องที่เป็นการขัดเกลากิเลส มีความประพฤติที่ดีงามทั้งหมดตามพระธรรมวินัย จึงเป็นภิกษุในพระธรรมวินัย แต่ถ้าไม่เป็นอย่างนี้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ในป่า ตามถนน ห้างสรรพสินค้าหรือที่ไหนทั้งหมด ที่ไม่ได้ประพฤติเป็นไปตามพระธรรมวินัย ไม่ใช่ภิกษุ
~ แต่ละนาที แต่ละขณะที่มีโอกาสได้ฟังอะไรก็ตาม ประโยชน์ที่ได้รับจากการฟัง ก็คือ ความเข้าใจในสิ่งที่ได้ฟัง จึงเป็นการที่เมื่อแต่ละคนมีความหลากหลายต่างกันก็อาจจะมีความคิดเห็นต่างๆ กันได้ นำมาซึ่งการสนทนาธรรม เป็นมงคล คือ นำมาซึ่งความเจริญ ความเข้าใจ ว่า สิ่งใดถูกและสิ่งใดผิด
~ แม้แต่เราที่เป็นชาวบ้านธรรมดา ฟังธรรมได้ ใครก็ฟังได้ สำหรับทุกคนที่เห็นประโยชน์ เพราะฉะนั้น ใครที่ฟังพระธรรม หมายความว่า เขาเห็นประโยชน์ของพระธรรม แต่ใครไม่ฟัง เห็นประโยชน์หรือเปล่าที่ไม่ฟัง? เพราะไม่เห็นประโยชน์จึงไม่ฟัง นี่ก็เป็นความต่างกัน
~ คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ได้เปลี่ยนเลย เพราะอะไร? เป็นคำที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงตามความเป็นจริงของสิ่งนั้น เมื่อสิ่งนั้นเป็นอย่างนั้น เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ความโกรธเป็นความโกรธ ไม่ว่ากี่สมัย เพราะฉะนั้น จะเปลี่ยนความโกรธให้เป็นอย่างอื่นได้ไหม? ก็ไม่ได้เลย ถ้ามีความเข้าใจแม้แต่คำว่าธรรม คือ สิ่งที่มีจริง ก็จะรู้ได้ว่าการตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้ได้เข้าใจสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถจะรู้ได้ เพราะถูกปกปิดด้วยความไม่รู้ เพราะฉะนั้น ใครเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ใครก็จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ แต่ต้องเป็นปัญญาที่ไม่มีใครเปรียบ ลองคิดถึงคำว่าปัญญา ความรู้แจ้งรู้จริงที่ลึกอย่างยิ่งถึงที่สุดโดยประการทั้งปวง เพราะฉะนั้น คำของพระองค์ทุกคำ ไม่เปลี่ยน ไม่ว่าในกาลสมัยใดก็ตาม
~ คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกคำ ทำให้สามารถเข้าใจความจริงได้ เพราะฉะนั้น ชีวิตที่ได้มีการฟังได้เข้าใจพระธรรมเห็นคุณค่าของพระธรรม ก็จะต่างกันกับชีวิตที่เกิดมาแล้วไม่รู้ความจริงของสิ่งที่มี เพราะฉะนั้น เพียงเท่านี้ ฟังแค่นี้ มีใครที่จะเห็นคุณของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าบ้าง พระองค์เดียวเท่านั้นที่ตรัสรู้ความจริงทุกอย่างถึงที่สุดโดยประการทั้งปวง
~ ทุกคำสัมมาสัมพุทธเจ้า คนฟังพิจารณาไตร่ตรองเป็นปัญญาของตนเอง เป็นสิ่งที่มีค่าที่สุด เพราะเหตุว่าใครจะไปบันดาลให้ใครมีปัญญาไม่ได้ แต่ว่า มีคำที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงให้คนนั้นไตร่ตรองจนกระทั่งเป็นความเข้าใจของตนเอง แล้วอะไรจะประเสริฐกว่าปัญญา เพราะเหตุว่า ไม่มีปัญญา (แต่) มีเงินมีทุกอย่าง มีทุกข์ไหม? มีชื่อเสียง มีเกียรติยศ มีเงินมีทุกอย่างแล้วมีทุกข์ไหม? เห็นไหมว่า เป็นเรื่องที่จะต้องคิด เป็นเรื่องที่จะต้องไตร่ตรองจนกระทั่งรู้จริงๆ
~ ถ้าเริ่มเข้าใจขึ้นทีละเล็กทีละน้อย ก็จะไม่ทุกข์มาก ไม่เดือดร้อนมาก เพราะรู้ว่าความจริงเป็นอย่างนี้ เปลี่ยนความจริงนี้ให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ เพราะฉะนั้น ถ้ามีใครจากไป พี่น้องก็ได้ เพื่อนฝูงก็ได้ แล้วก็มีคนที่เป็นทุกข์เศร้าโศก เพราะเขาไม่รู้ว่าเป็นธรรมดาที่จะต้องเป็นอย่างนั้น แต่ถ้ารู้ว่าทุกคนเกิดมาแล้วก็อยู่ชั่วคราวก็ต้องตายไป จะไม่ให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ เป็นธรรมดา แล้วจะทุกข์ไหม ในเมื่อรู้ความจริงว่าเป็นธรรมดา
~ เริ่มเห็นความจริงว่าทุกอย่างที่มี ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่อาศัยกันทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น ค่อยๆ ละคลายความติดข้องว่าเป็นเรา ค่อยๆ ละคลายความคิดว่าบังคับบัญชาได้ ค่อยๆ ละคลายความคิดว่าทุกอย่างยั่งยืน
~ ทุกอย่างที่มีเป็นธรรม แล้วก็ต้องเป็นไปอย่างที่เป็น เพราะว่า ธรรมนั้น ต้องเป็นไปตามที่เป็นธรรมนั้น
~ สิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้วมีแล้ว ดับไป ไม่กลับมาอีกเลย
~ ถ้ามีปัญญาเมื่อไหร่ ความเป็นทุกข์ก็น้อยลง
~ ไม่ว่าจะเป็นนายทหาร นายตำรวจ พ่อค้านักธุรกิจหรืออะไรก็ตาม ทุกสาขาอาชีพ มีสุขมีทุกข์ไหม แล้วทรัพย์สินเงินทองทั้งหลายทำให้เกิดความสุขจริงๆ หรือเปล่า หรือว่าตราบไดที่ยังมีความอยาก มีกิเลส มีความต้องการ ไม่ได้โดยทางสุจริตก็ทำทุจริตทุกวงการ ใครว่าดีบ้าง ใครว่าใครเป็นสุขเพราะทุจริตที่คนอื่นกระทำบ้าง?
~ เมื่อไม่รู้ก็หลงทำสิ่งที่ทำให้เกิดความทุกข์ เป็นโทษกับตนเองก่อน โดยไม่รู้เลยว่านั่นเป็นโทษ เพราะเหตุว่าสิ่งที่ไม่ดีเป็นเหตุ ย่อมนำมาซึ่งสิ่งที่เป็นผลที่ไม่ดี
~ ถ้าเหตุไม่ดี คือ ทุจริต ทำให้เกิดเป็นคนไม่ได้ แต่ทำให้เกิดเป็นสัตว์ดิรัจฉาน สัตว์ประเภทต่างๆ มีรูปร่างต่างๆ ตามความวิจิตรของกรรมที่ทำไว้ ใครก็บันดาลไม่ได้ เลือกเกิดไม่ได้
~ ทุกสิ่งทุกอย่างมีเหตุอย่างละเอียดอย่างยิ่ง ถ้ามีความเข้าใจ ทุกข์ก็น้อยลง เพราะไม่ได้ทำเหตุของทุกข์ คือ เป็นคนดีขึ้น ละเว้นการทำทุจริตต่างๆ ซึ่งทุกคนก็ไม่ต้องการที่จะให้ใครกระทำทุจริต ใช่ไหม แต่เราเองทำบ้างหรือเปล่า? เพราะฉะนั้น เขาทำไม่ดี ถ้าเราทำ เราก็ต้องไม่ดีด้วย เพราะเหตุว่า ความจริงไม่มีเรามีเขา แต่เป็นธรรม เพราะฉะนั้น ไม่ดี ก็เป็นธรรม (เพราะเป็นสิ่งที่มีจริง)
~ โลภะ ความโลภ โทสะ ความโกรธ โมหะ ความหลงไม่เข้าใจความจริง จึงคิดว่า ทำทุจริตแล้วจะเป็นสุข ทุจริตต่างๆ เกิดแล้วเป็นสุข แต่หารู้ไม่ว่า เมื่อเหตุไม่ดี ผลก็ต้องไม่ดี
~ ใครกำลังได้รับผลเดือดร้อนจากไฟไหม้หรือแก๊สระเบิดต่างๆ เหล่านี้เราสงสารเขามากเลย แต่ให้รู้ว่าสงสารเขาช้าไปหรือเปล่า ถ้าสงสารจริงๆ ก็คือ สงสารตอนที่เขาทำผิด รู้ว่าคนนี้ต้องไปสู่อบายภูมิแน่หรือว่าต้องเกิดไม่ดีแน่
~ ความคิดต่างๆ ในทางที่ไม่สุจริต เป็นเหตุที่ไม่ดี ถ้ามีปัญญา รู้ว่า ถ้าทำอย่างนี้แล้วผลคืออะไร จะทำไหม? ก็ไม่ทำ แต่เพราะไม่รู้ จึงทำทุจริต จะรู้ได้เลยว่า ขณะที่ใครทำทุจริตต่างๆ ทำไม่ดีต่างๆ เพราะไม่รู้ ว่า นั่น เป็นเหตุที่จะทำให้เกิดผลที่ไม่ดี
~ เท่าที่ได้ฟังในวันนี้ ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ก็ได้ฟังแล้ว เพราะฉะนั้น ชีวิตต่อไปข้างหน้าก็จะต้องมีการเห็น มีการได้ยิน ต้องประสบกับเหตุการณ์ต่างๆ ถ้าเกิดระลึกได้ถึงคำที่ได้ฟังในวันนี้ อย่างน้อยก็จะทำให้รู้ว่า นั่น เป็นความจริงซึ่งไม่มีใครทำให้เลย นอกจากมีเหตุปัจจัยที่แต่ละคนได้ทำไว้ แล้วก็เป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น ก็มีการเห็นประโยชน์ที่จะรู้ว่า ถ้าเป็นความเข้าใจถูกต้อง ก็จะนำมาสู่สิ่งที่ดีทั้งหมด ทั้งกาย ทั้งวาจา
~ แม้ไม่กี่คำ เพียงเล็กๆ น้อยๆ แต่ครั้งหนึ่ง ณ กาลครั้งหนึ่ง ที่ได้ฟังแล้วก็ยังมีคนที่ยังจำได้ระลึกได้ ก็จะทำให้สามารถเข้าใจความจริงที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นขณะไหนก็ตาม แต่ให้เห็นว่า ฟังแค่นี้ไม่พอเลย (ก็ต้องฟัง ต้องศึกษาต่อไป)

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...



ความคิดเห็น 1    โดย Dusita  วันที่ 17 ธ.ค. 2562

กราบ..อนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 2    โดย Ratchaneekul  วันที่ 17 ธ.ค. 2562

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอาจารย์สุจินต์ และ ท่านอาจารย์ทุกท่านค่ะ


ความคิดเห็น 3    โดย Nataya  วันที่ 17 ธ.ค. 2562

กราบอนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 4    โดย ธนฤทธิ์  วันที่ 17 ธ.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ


ความคิดเห็น 5    โดย panasda  วันที่ 18 ธ.ค. 2562

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย เมตตา  วันที่ 19 ธ.ค. 2562

...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง

และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่าน และ อ.คำปั่น ด้วยค่ะ...


ความคิดเห็น 7    โดย chatchai.k  วันที่ 17 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ