วิปัสสนาคืออะไร ขอเชิญคลิกอ่านที่..
วิปัสสนาภาวนา
วิปัสสนาญาณ ตรุณวิปัสสนา
พลววิปัสสนา
วิปัสสนากับสติปัฏฐาน
จะเริ่มปฏิบัติวิปัสสนาเดี๋ยวนี้ จะทำอย่างไร บุญญกิริยาวัตถุ ๑๐...วิปัสสนาภาวนา
วิปัสสนา หมายถึงปัญญาที่ประจักษ์แจ้งสภาพธรรมตามความเป็นจริง เพียงขั้นการ
ฟังธรรมให้เข้าใจถูกในสภาพธรรมที่กำลังปรากฏยังยากเลย กว่าจะอบรมสติปัฏฐาน
ให้ถึงขั้นวิปัสสนาต่างๆ ยิ่งยากกว่า ต้องสะสมปัญญามากๆ กว่าจะถึงวิปัสสนาค่ะ
ขออนุญาตค่ะ
จริงหรือไม่คะที่ ผู้ที่เจริญกรรมฐาน สามารถที่จะอุทิศบุญกุศลให้แก่สรรพสัตว์ในทุกภพภูมิ ถ้าอย่างนั้น การที่เราดูจิตอยู่เนืองๆ บุญนี้ก็สามารถอุทิศให้แก่พ่อแม่ที่ยังมีชีวิต แต่ยังไม่มีความสนใจที่จะปฏิบัติได้เช่นกัน ใช่หรือไม่คะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เรียนความเห็นที่ 3
สำหรับคนมีชีวิต ไม่ใช่การอุทิศแต่เป็นการบอกกล่าวให้อนุโมทนา ที่สำคัญหากท่านไม่รู้ ท่านก็ไม่เกิดอนุโมทนา (กุศลจิต) กุศลจิตของใครก็ของคนนั้น เอามาช่วยกันไมได้ กุศลจิตของบิดา มารดาจะเกิดเมื่ออนุโมทนา
ประการที่สำคัญที่สุด หากไม่ใช่กุศลแต่สำคัญว่าเป็นกุศล แม้เราจะบอกท่าน คนที่อนุโมทนาพลอยยินดีก็ยินดีในสิ่งที่ผิดก็ไม่ใช่กุศล ไม่ใช่การอนุโมทนา เพราะการอนุโมทนาต้องเป็นไปในฝ่ายกุศลเท่านั้น
จึงควรพิจารณาในสิ่งที่เราทำ แม้ในเรื่องการดูจิต ว่าเป็นหนทางที่ถูกต้องหรือไม่ เป็นการปฏิบัติที่ถูกต้องหรือไม่ ขอให้รับฟังเหตุผลโดยลองคลิกอ่านที่นี่ครับ
การดูจิต
วิธีการดูจิตเป็นทางลัดรึเปล่าครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ดู ไม่ใช่สติปัฏฐาน นึกคิดในสิ่งที่เกิดขึ้น เป็นการดู แต่ไม่ใช่สติปัฏฐาน สติปัฏฐาน
เป็นสติที่เกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมโดยมีปัญญาเกิดร่วมด้วย โดยรู้ว่าเป็นธรรม
ไม่ใช่เรา การตามดูกับสติปัฏฐานที่เกิดจึงต่างกันอย่างสิ้นเชิงครับ เพราะไม่ใช่ความ
รู้สึกแต่เป็นเรื่องของปัญญาว่าขณะนั้นปัญญารู้อะไร สำคัญตรงนี้ ขออนุโมทนา
ถ้าคิดหาอุบาย ก็ยังคงเป็นตัวตนที่ไปกำหนดรู้ มีหนทางเดียว คือ การอบรมเจริญสติปัฏฐาน เป็นการอบรมให้เข้าใจความจริงที่มีอยู่จริงที่กำลังปรากฏขณะนี้ โดยไม่ใช่
ไปคิดถึงเรื่องราวว่าอะไรเป็นรูป อะไรเป็นนาม แต่เป็นการอบรมเจริญความเห็นถูกใน
สภาพธรรมที่กำลังปรากฏจนกว่าปัญญาเกิดขึ้นระลึกรู้ในลักษณะรูปธรรม และนามธรรม
จริงๆ โดยไม่มีตัวตนที่ไปรู้ไปกำหนด เพราะสติก็เป็นอนัตตา การฟังพระธรรม การศึกษาพระธรรมนั้น ควรพิจารณาในเหตุผลของพระธรรม ที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า
สภาพธรรมทั้งหลายเป็นอนัตตา ไม่มีใครจะไปบังคับให้สภาพธรรมใดเกิดได้ สภาพ
ธรรมเกิดขึ้นล้วนเกิดจากเหตุปัจจัย เมื่ออบรมเจริญเหตุตรง ผลย่อมเกิดขึ้นสมควรแก่
เหตุนั้น
ขออนุโมทนาค่ะ ยินดีรับฟังความคิดเห็นค่ะ
ขอยอมรับค่ะว่า เรื่องความเข้าใจใจธรรมะยังอ่อนอยู่มาก เรื่องที่สงสัยไม่เข้าใจก็ยังมีอยู่ค่ะ แต่จะพยายามเรียนรู้ ทำความเข้าใจให้มากขึ้นค่ะ