ควรพิจารณาสภาพธรรมที่ปรากฎให้เข้าใจได้ทาง ๖ ทวารในขณะนี้
โดย narong.p  1 มิ.ย. 2550
หัวข้อหมายเลข 3863

จากการฟังการสนทนาธรรม ที่มูลนิธิฯ มีความเข้าใจมากขึ้น ถึงความจริงว่า ชีวิตประจำวันนั้น อยู่กับความคิดนึกเรื่องราว สมมติบัญญัติทั้งวัน คำถามข้อสงสัยก็มักจะถามถึงเหตุการณ์ต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่เกื้อกูลแก่การเพิ่มขึ้น ของความเข้าใจสภาพธรรมที่ปรากฎ เช่น ทางตาก็มักจะเลยสภาพธรรมที่มีจริงไป (สิ่งที่ปรากฎทางตา วรรณรูป) เห็นเป็น คน สัตว์ โต๊ะเก้าอี้ ด้วยความรวดเร็วในการเกิดดับของจิต สุดที่จะประมาณได้ ดังนั้น จึงควรพิจารณาสิ่งที่มีจริงในขณะนี้ทาง ๖ ทวาร ซึ่งเป็นสภาพธรรมที่สามารถจะเข้าใจได้



ความคิดเห็น 1    โดย study  วันที่ 1 มิ.ย. 2550

ขออนุโมทนา

สิ่งที่ไม่ปรากฏ จะรู้หรือจะศึกษาได้อย่างไร เพราะไม่มีลักษณะให้รู้เลย


ความคิดเห็น 2    โดย orawan.c  วันที่ 1 มิ.ย. 2550

สาธุ


ความคิดเห็น 3    โดย ปุถุชนคนหนึ่ง  วันที่ 1 มิ.ย. 2550

ขออนุโมทนา

วิบากทางตาดับแล้ว กิเลสก็เข้าครอบงำทันที รู้สึกยินดี ที่เห็นดอกไม้สวยๆ หนาสมชื่อปุถุชนจริงๆ


ความคิดเห็น 4    โดย แล้วเจอกัน  วันที่ 1 มิ.ย. 2550

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

การเจริญสติปัฏฐาน มิได้ห้ามไม่ให้คิดนึก หรือตรึกถึงเรื่องราวต่างๆ เพราะมีเหตุปัจจัยก็เกิดขึ้น แม้การคิดสงสัย ในเรื่องที่ไม่ใช่เกี่ยวกับสภาพธัมมะก็ตาม ก็บังคับไม่ได้ สะสมที่จะคิด และมีเหตุปัจจัยก็เกิด ดังนั้น จึงเป็นเรื่องของความเข้าใจ ตั้งแต่ต้นแม้ขั้นการฟังว่า ทุกอย่างเป็นธรรม แม้ความคิด แม้จะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ความคิดก็เป็นสภาพธัมมะ ดังนั้น การฟังธรรม คือเพื่อเข้าใจในสิ่งที่ฟังเท่านั้น ว่าทุกอย่างเป็นธรรม เมื่อมั่นคงจนเป็นสัจจญาณ สติย่อมเกิด แม้ขณะที่คิดเป็นไปในเรื่องอะไรก็ได้และย่อมไม่เดือดร้อนในสิ่งที่คิดครับ เพราะเป็นธรรม
ขออนุโมทนา


ความคิดเห็น 5    โดย wannee.s  วันที่ 1 มิ.ย. 2550

เป็นธรรมดาของปุถุชนที่สะสมอวิชชามานานแสนนาน เพียงขั้นฟังก็ยังละกิเลสไม่ได้ และก็ยังเห็นเป็นคน เป็นสัตว์ ฯลฯ เราก็ค่อยๆ ฟัง ค่อยๆ อบรมปัญญา จนกว่าจะเป็นพระโสดาบัน ละความเห็นผิดในสัตว์ บุคคล ตัวตน ได้ระดับหนึ่งค่ะ


ความคิดเห็น 6    โดย yu_da2554hotmail  วันที่ 6 มี.ค. 2567

ยินดีในกุศลจิตค่ะ