ปัญญาย่อมเกิดและเจริญขึ้นตามลำดับ ไม่ก้าวกระโดดเหมือนกบกระโดด เบื้องต้นปัญญาเกิด เพราะการฟังการศึกษา บางอย่างที่ฟังแล้วไม่เข้าใจ เมื่อคิดพิจารณาภายหลัง ย่อมแจ่มแจ้งยิ่งขึ้น เมื่อเข้าใจมากยิ่งขึ้น ย่อมศึกษาตัวลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังมีในขณะนั้น เมื่อระลึกศึกษาจนปัญญาคมกล้ามากยิ่งขึ้น ย่อมแยกความเป็นนามและรูป และปัจจัยของนามและรูป เมื่อวิปัสสนาปัญญามีกำลังมากขึ้น ย่อมเห็นความเกิดดับ และ เห็นโทษของนามรูป จากนั้นย่อมเบื่อหน่าย ใคร่จะพ้น เมื่อวางเฉยแก่นามรูปย่อมพ้นด้วยอริยมรรค เมื่อพ้นย่อมรู้ว่าหลุดพ้นแล้ว ระดับของปัญญาของพระอริยบุคคลย่อมเป็นไปตามลำดับ ตั้งแต่พระโสดาบัน พระสกทาคามี พระอนาคามีและพระอรหันต์ ตามลำดับ ไม่ข้ามขั้น
การขัดเกลากิเลสก็มีหลายลำดับขั้น คือ
- วีติกกมกิเลส คือ กิเลสขั้นหยาบที่เป็นเหตุให้ล่วงละเมิดอกุศลกรรม ละได้ด้วยศีล
- ปริยุฏฐานกิเลส คือ กิเลสที่กลุ้มรุมจิตใจอันจะเป็นปัจจัยให้เกิดอกุศลกรรม ละได้ด้วยสมถ คือ การอบรมความสงบของจิต
- อนุสัยกิเลส คือ กิเลสอย่างละเอียดที่นอนเนื่องในสันดาน ละได้ด้วยมรรคจิตตามลำดับขั้น ตั้งแต่โสตาปัตติมรรค จนถึงอรหัตตมรรค
ศีล สมาธิ ปัญญา ก็คือการอบรมเจริญมรรคมีองค์ ๘ นั่นเอง
ขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ