ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ประมวลสาระสำคัญ
จากการสนทนาธรรม
ที่ร้าน "โป๊ดแฮร์ครีเอชั่น"
(PODE HAIR CREATION)
วันพุธที่ ๑๘ ธันวาคม ๒๕๖๒
~ เป็นธรรมดา ทุกสิ่งทุกอย่างที่มี แต่เราไม่เคยรู้ ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มี เพราะฉะนั้น ทุกคำ ฟัง เพราะเหตุว่า ถ้าเป็นคำของคนอื่นเราได้ยินมาตลอดชีวิตในสังสารวัฏฏ์ แต่คำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยากที่จะได้ฟัง แต่ว่ากล่าวถึงสิ่งที่กำลังมีจริงในขณะนี้ ซึ่งน่าฟังมาก เพราะเหตุว่า กำลังมีจริงๆ ด้วย ทุกอย่างทั้งหมด แล้วก็ทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มีจริง ให้คิด ให้ไตร่ตรองจนกระทั่งเริ่มเห็นว่า ผู้ที่ตรัสคำนี้เป็นผู้ที่เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแน่นอน
~ คำว่า ธรรม หมายความถึงสิ่งที่มีจริงๆ เพราะฉะนั้น ใครจะปฎิเสธไหมว่าเห็นขณะนี้ไม่จริง เพราะกำลังเห็นจริงๆ เพราะฉะนั้น สิ่งที่มีจริง นั่นแหละ เป็นธรรม
~ วันนี้ เป็นวันที่จะได้เข้าใจทีละคำให้มั่นคงเพื่อที่จะได้เก็บไว้ในใจ โดยไม่มีใครไปเก็บ แต่คำที่ได้ฟังแล้วเข้าใจที่ได้ไตร่ตรองแล้วไม่สูญหายไปไหน ยังคงอยู่ในใจทุกชาติ แล้วแต่ว่าชาติไหนมีโอกาสจะได้ฟังจะได้เข้าใจเพิ่มขึ้นอีก เพราะฉะนั้น การฟัง ก็เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
~ ต้องเป็นคนที่ตรง สิ่งที่เป็นสิ่งที่ประเสริฐที่จะให้แก่กันได้ในความเป็นเพื่อน คือ มิตรที่ดี (กัลยาณมิตร) ก็คือ ให้สิ่งซึ่งสามารถจะติดตามไปทุกภพชาติ คือ ความเห็นถูกความเข้าใจถูก เพราะฉะนั้น เป็นการฟังพระธรรมด้วยความเคารพต่อความเป็นจริง ว่า ยังไม่รู้อะไรก็ฟังไป แล้ว (เมื่อ) ฟังไปความเข้าใจนั้นก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น เมื่อความเข้าใจเพิ่มขึ้น รู้ว่าอะไรชั่ว ก็ไม่ทำ รู้ว่าอะไรดี ก็มีปัจจัยที่จะทำ แต่ถ้าไม่รู้ก็ยังคงทำ (ไม่ดี) อยู่ เพราะฉะนั้น การที่แต่ละคนซึ่งเต็มไปด้วยความไม่รู้ มีความประพฤติความเป็นไปซึ่งทั่วโลกกำลังเสื่อมทรามอย่างยิ่ง มีความทุจริตทุกวงการ เห็นไหม มาจากไหน? มาจากความไม่รู้ ว่า อะไรดี อะไรชั่ว เพราะฉะนั้น คนที่ฟังพระธรรม ก็จะไม่ประพฤติสิ่งที่ไม่ถูกต้อง นั่น เป็นสิ่งที่สามารถพ้นจากการที่ไปหลงทำสิ่งที่ผิดด้วยเข้าใจว่าเป็นเรา ทั้งๆ ที่ไม่มีเรา แต่เพราะไม่ได้ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า (จึงหลงยึดถือว่ามีเรา) ด้วยเหตุนี้ ฟังแล้ว รู้เลย ตลอดชีวิตมีอย่างเดียวที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งที่จะทำก็คือ ฟังคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า จนกว่าจะเข้าใจถึงที่สุด เพราะอันนี้เป็นแต่เพียงเรื่องของสิ่งที่กำลังมี เพราะฉะนั้น ทุกคำต้องศึกษาด้วยความเคารพ
~ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงความจริงของสิ่งที่มีจริงให้เข้าใจถูกต้อง ว่า ถ้าไม่ได้ฟังคำของพระองค์แล้ว สัตว์โลก ไม่ว่าใคร ไม่ว่าจะเป็นเทพ จะเป็นพรหม เป็นใครทั้งหมด ไม่สามารถที่จะรู้ความจริงได้ เพราะฉะนั้น แต่ละคำ ต้องไตร่ตรองเพื่อที่จะได้ไม่ลืมในความเป็นจริงของธรรม
~ ชีวิตของแต่ละคน ก็เป็นไป ไม่ใช่ตามความปรารถนาของใคร แต่ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่ทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นเป็นไป แค่นี้ ก็ได้เริ่มรู้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่มีแน่นอน แล้วเดี๋ยวนี้ก็กำลังมี แต่ทรงตรัสรู้ถึงการเกิดขึ้นของสิ่งนั้นและการดับไปของสิ่งนั้นแต่ละหนึ่งละเอียดยิบมาก จนกระทั่งค่อยๆ ละการเข้าใจผิดที่ยึดถือว่ามีเรา หรือว่า เป็นเรา แต่ความจริงไม่มีเรา แต่เป็นสิ่งที่มีจริงแต่ละหนึ่ง ซึ่งถ้าแยกกันไม่รวมกันก็ไม่เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย
~ สิ่งที่ไม่ดี เช่น ความโกรธ มีจริงๆ ก็เป็นธรรม, ความดี เช่น ความไม่โกรธ ก็มีจริง ก็เป็นธรรม เพราะฉะนั้น วันหนึ่งๆ เป็นธรรมหมดทุกอย่าง ไม่มีเรา
~ โอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม เป็นโอกาสที่หายาก ใครจะรู้ว่าจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่
~ ผู้ที่เห็นภัยของสังสารวัฏฏ์ และก็มีการสะสมมาที่สามารถสละอาคารบ้านเรือนได้ ด้วยใจที่สละ ไม่ใช่อยากจะไปบวช แต่ด้วยใจที่สละเพราะสามารถที่จะอุทิศชีวิตเพื่อทำสิ่งที่มีประโยชน์สูงสุด คือ ได้ฟังพระธรรม ได้เข้าใจได้อบรมเจริญปัญญา เพราะฉะนั้น วัดจึงเป็นที่อยู่ของผู้ที่สละอาคารบ้านเรือน โดยมีผู้ที่เห็นว่าพระภิกษุที่บวชมีชีวิตที่ยากลำบากอาจจะทำให้ได้มีการเข้าใจธรรมได้น้อยลงเพราะเหตุว่าอาจจะมีอันตรายต่างๆ ก็ได้ โรคภัยต่างๆ ที่เกิดจากการอยู่ป่าหนาวไปร้อนไปก็ได้ จึงได้มีศรัทธาที่จะสร้างที่อยู่ให้สำหรับผู้ที่สละอาคารบ้านเรือน จึงมี "วัด"
~ คำที่กล่าวถึงสิ่งที่มีจริงที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงประจักษ์แจ้งสามารถที่จะทำให้คนฟังเริ่มไตร่ตรองแล้วก็รู้ว่า อะไรถูก อะไรผิด และการที่เข้าใจถูกต้อง ก็จะนำไปสู่ความถูกต้องทีละเล็กทีละน้อยยิ่งขึ้น จนประจักษ์แน่นอนว่าสิ่งนั้นไม่เป็นอย่างอื่น ต้องเป็นอย่างนั้น
~ สิ่งหนึ่งสิ่งใดมีความเกิดขึ้น ต้องมีเหตุที่จะให้เกิดขึ้นเป็นอย่างนั้นเพราะฉะนั้น จะไม่ให้โกรธได้ไหม? โกรธแล้วเห็น ชัดๆ เลย บังคับบัญชาไม่ได้ แล้วพอหายโกรธก็บังคับบัญชาไม่ได้อีก ให้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นสิ่งที่มีปัจจัยทำให้เกิดขึ้นเป็นไปตามปัจจัย (ปัจจัย คือ สิ่งที่อุปการะเกื้อหนุนหรือเป็นเหตุให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นเป็นไป)
~ ขณะที่ว่าใคร เขาไม่รู้เลย ว่า ความไม่ดีอยู่ที่ใจเขา เขากำลังสะสมความไม่ดีในขณะที่เขากำลังเพ่งโทษติเตียนคนอื่นด้วยความโกรธ ไม่ใช่ด้วยความหวังดี อย่างเช่น ดุว่าคนในบ้านเพื่อที่จะให้คนในบ้านทำอย่างที่เขาต้องการ แต่พูดดีๆ เขาก็ทำให้ตามที่ต้องการได้ ถ้าพูดซ้ำบ่อยๆ มีความเข้าใจมีความเห็นใจ
~ ถ้ามีความเข้าใจที่ถูกต้องมั่นคง จะค่อยๆ เปลี่ยนจากคนที่ไม่รู้โทษของความไม่ดี กลายเป็นผู้ที่เห็นโทษของความไม่ดี แล้วก็ค่อยๆ เป็นไปเองตามปัญญา ว่า เสียเวลาเสียประโยชน์คิดว่าทำร้ายเขาดุเขา แต่ขณะนั้นเราเองกำลังสะสมสิ่งที่ไม่ดี ลืมโทษทั้งหลายที่จะเกิดกับตนเอง มุ่งไปที่จะว่ากล่าวตักเตือนด้วยความโมโหให้คนอื่นเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ แล้วลองคิดดู อะไรเป็นสิ่งที่ถูกต้องและเป็นประโยชน์กว่ากัน ประโยชน์ คือ ไม่ทำร้ายตนเองด้วยการสะสมความโกรธ ใครก็เอาออกไปไม่ได้ นอกจากคำของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ทำให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง และไม่ใช่เราไปเปลี่ยน แต่ค่อยๆ ลดน้อยลงตามเหตุตามปัจจัย
~ ยิ่งฟัง ยิ่งเข้าใจ ยิ่งเห็นความเป็นอนัตตา (ไม่ใช่ตัวตน สัตว์บุคคล ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครทั้งสิ้น) จึงเป็นความถูกต้อง เพราะเหตุว่า ถึงที่สุด ก็คือ ธรรมทั้งหลาย เป็นอนัตตา เพราะฉะนั้น ก็จะไม่ไปผิดทาง
~ บางคนสะสมมาในเรื่องการพูด พูดดีมาก พูดน่าฟัง พูดน่ารัก พูดเพราะ จะให้เขาเปลี่ยนเป็นคนที่กระโชกโฮกฮาก เขาทำไม่ได้ ไม่สามารถจะเป็นอย่างนั้นได้เลย เพราะไม่ได้สะสมมาที่จะเป็นอย่างนั้น แต่บางคนก็สะสมมาที่จะเป็นคนกระด้าง เสียงก็กระด้าง โทสะก็มีมาก ไม่มีความเมตตาอะไรเลยทั้งสิ้น เพราะฉะนั้น ไม่มีเรา ไม่มีใครเลย แต่มีธรรมที่เกิดขึ้น แม้ดับไป ถ้าเป็นธาตุรู้ ก็สะสมสืบต่อ (อยู่ในจิตแต่ละขณะ)
~ ตั้งแต่เกิดจนตาย เป็นธรรมแต่ละหนึ่ง ทั้งหมด ไม่มีเรา ฟังพระธรรม เพื่อให้เข้าใจถูกต้อง เพราะถ้าไม่ฟัง ไม่มีโอกาสจะรู้ความจริงเลยว่าแท้ที่จริงแล้วไม่มีเราแล้วก็อยู่ไปเรื่อยๆ ในสังสารวัฏฏ์โดยยึดถือสิ่งที่เกิดดับว่าเป็นเราไปเลย แต่ความจริงไม่ใช่เรา
...กราบเท้าบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ที่เคารพยิ่ง
และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
พระธรรม คำจริง ฟังเมื่อใดก็ไพเราะเมื่อนั้น
กราบแทบเท้าบูชาพระคุณท่านอาจารย์สุจินต์บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่ง
กราบขอบคุณและอนุโมทนาอาจารย์คำปั่น และอนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
กราบบูชาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
อนุโมทนาในกุศลวิริยะของคุณโป๊ด และทุกท่าน
~ โอกาสที่จะได้ฟังพระธรรม เป็นโอกาสที่หายาก ใครจะรู้ว่าจะจากโลกนี้ไปเมื่อไหร่....
สาธุ สาธุ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ทุกคำ ตรง ชัดเจน และ เป็นประโยชน์เกื้อกูลจริงๆ ค่ะ ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านอาจารย์สุจินต์ และ อาจารย์ทุกท่าน และ ขอบพระคุณ อาจารย์คำปั่นเป็นอย่างสูง ที่บันทึกสาระสำคัญ และ เผยแพร่คำจริงอันเป็นประโยชน์เกื้อกูลเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ด้วยความเคารพอย่างสูง
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบบูขาคุณท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ที่เคารพยิ่งและกราบอนุโมทนาคุณความดีทุกประการที่เกื้อกูลให้เกิดความเข้าใจถูกต้องในความจริงที่กำลังปรากฏค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
กราบอนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ