ต้องทำเหตุปัจจัยอะไรบ้างครับ จึงจะเห็นว่าจิตใจก็มีความเป็นอนัตตา
ถ้าศึกษาแต่ในตำรา จะไม่สามารถเห็นความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม การจะเข้าใจสภาพธรรมได้ ก็ด้วยการศึกษาพร้อมสติที่ระลึกในสภาพธรรม ซึ่งมีทั้งนามและรูป ซึ่งก็คือการอบรมเจริญสติปัฏฐาน อบรมไปจนกว่าปัญญาจะคมขึ้นละเอียดขึ้น ทั่วขึ้น จนกว่าจะประจักษ์แจ้งเป็นวิปัสสนาญานขั้นต่างๆ เห็นความเป็นอนัตตาของสภาพธรรม ในระดับต่างๆ กัน แต่ยังดับความเห็นผิดไม่ได้ จนกว่าโสตาปฏิมรรคจิตจะเกิด
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ค่อยๆ เข้าใจความเป็นอนัตตา โดยเริ่มจากการฟังธรรมให้เข้าใจแม้ในขั้นการฟังว่าทุกอย่างเป็นธรรม การจะรู้ว่าธรรมเป็นอนัตตา ไม่ใช่ด้วยการรู้ชื่อ ว่าเป็นจิต เป็นเจตสิก เป็นรูป เป็นธรรมบังคับไม่ได้จึงเป็นอนัตตา แต่การรู้ความเป็นอนัตตาของธรรม เพราะธรรมมีลักษณะของสภาพธรรมจริงๆ คือ เป็นสภาพรู้หรือไม่ใช่สภาพรู้ อันแสดงถึงความเป็นธรรม ไม่ใช่อัตตา แต่เป็นอนัตตาเพราะเป็นธรรมนั่นเอง โดยจะรู้ความเป็นอนัตตาจาก การฟังธรรมที่ถูกต้องอันแสดงถีงเรื่องสภาพธัมมะที่มีจริงในขณะนี้ ทางตา..ใจ เมื่อเข้าใจขั้นการฟังว่าทุกอย่างเป็นธรรม แต่ก็ยังไม่ประจักษ์ความเป็นอนัตตาของสภาพธัมมะจริงๆ ว่าเป็นธรรมและเป็นอนัตตา ต่อเมื่อสติปัฏฐานเริ่มเกิด ขณะนั้นก็สะสมและเริ่มมีความเข้าใจในความเป็นธรรมของสภาพธัมมะแต่ละอย่างที่เกิดขึ้นด้วยความ ไม่ใช่เรา เป็นธรรมเป็นอนัตตานั่นเอง เมื่อปัญญามากขึ้นก็ประจักษ์ความเป็นอนัตตามากขึ้น จนดับความเห็นผิดสำคัญว่าเป็นอัตตา เมื่อเป็นพระโสดาบันครับ ดังนั้น เหตุปัจจัยก็คือเริ่มจากการฟังธรรมที่ถูกต้องก่อนว่า ธรรมคืออะไรครับ
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาครับ
ยินดีในกุศลจิตค่ะ