สาตถกสัมปชัญญะ รู้ประโยชน์ว่ามีชีวิตอยู่เพื่ออะไร
เกิดมาเพื่ออะไร เพื่อที่จะอยู่สบายๆ ต่อไปเท่านั้นหรือ หรือว่า อยู่เพื่อรู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ ประโยชน์จริงๆ คือ รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง ค่ะ เห็นประโยชน์จึงฟัง เกิดมาเพื่ออะไร เพื่อที่จะอยู่สบายๆ ต่อไปเท่านั้นหรือ หรือว่าอยู่เพื่อรู้ความจริงของสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ ประโยชน์จริงๆ คือ รู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง นี่คือ สาตถกะสัมปชัญญะ
สัมปปายสัมปชัญญะ คือ บุคคล หรือ คำ ที่ทำให้เกิดความเห็นถูกได้ แสดงธรรมนั้นถูกต้อง ที่เป็นธรรมที่แสดงถึงสิ่งที่มีจริง เห็น เป็นธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง แต่ คำใดที่ไม่ได้แสดงถึง สิ่งที่มีจริง คำนั้น ไม่ใช่ สัปปายะ
โคจรสัมปชัญญะ หมายถึง อารมณ์ที่ทำให้เกิดปัญญา ความเข้าใจ ขณะนี้ได้ยินเสียง แต่ไม่เกิดปัญญารู้ว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา เสียงนั้น ก็ไม่ใช่ โคจรสัมปชัญญะ แต่เมื่อเสียงใด อารมณ์ใดเกิดขึ้น และ เกิดปัญญารู้ความจริงในขณะนั้น ในสิ่งที่กำลังปรากฏ ที่เป็นอารมณ์นั้น อารมณ์นั้น เป็นโคจรสัมปชัญญะ
ผู้ที่มีปัญญา รู้ว่า โคจรสัมปชัญะ คือ ขณะนี้ ที่กำลังมีสภาพธรรมที่เป็นปกติ
อสัมโมหสัมปชัญญะ ขณะที่ทานอาหารกลางวัน คุยกันหรือเปล่า ขณะนั้นไม่ได้รู้เลยว่า กำลังเคี้ยว กำลังเอื้อมมือไปตักอาหาร ขณะนั้นไม่รู้ตัวเลย ไม่เข้าใจว่าเป็นแต่เพียงธรรม ขณะนั้น จึงไม่ชื่อว่า อสัมโมหสัมปชัญญะ แต่ ขณะที่สติและปัญญาเกิดรู้ความจริง ขณะนั้นไม่หลงลืม ขณะนั้นมีปัญญารู้ความจริงว่าเป็นแต่เพียงธรรมไม่ใช่เรา ขณะนั้น เป็น อสัมโมหะสัมปชัญญะ ซึ่งจะเป็นอสัมโมหะสัมปชัญญะ ต้องอาศัยการฟัง ปัญญาที่มั่นคงในขั้นสัจจญาณ
ถ้าไม่มี สาตถกสัมปชัญญะ การเห็นประโยชน์ที่จะอบรมปัญญาฟังพระธรรม จะมี สัมปชัญญะอื่นได้ไหม ไม่ได้เลย
ข้อความอธิบายมาเพิ่มเติมดังนี้
คุณซาร่าถามว่า การไปอินเดียกันเพราะเห็นประโยชน์ คือเป็นสาตถกสัมปชัญญะใช่ไหม
ท่านอาจารย์ ทำไมต้องไปอินเดียถึงเห็นประโยชน์ ท่านยกตัวอย่างว่า ขณะนี้ที่พวกท่านมาสนทนาธรรม มาฟังพระธรรมกันเพราะอะไร ก็เพราะเห็นประโยชน์ ก็คือสาตถกสัมปชัญญะ ขณะที่สนทนาธรรม ฟังธรรม แล้วคิดแต่เรื่องราวหรือสงสัยในสิ่งที่ไม่สามารถจะรู้ได้ ไม่เกื้อกูลต่อการรู้ลักษณะสภาพธรรม จะเป็นสัปปายสัมปชัญญะได้อย่างไร แต่ขณะที่เข้าใจในสิ่งที่กำลังฟังก็ต้องเป็นสัปปายสัมปชัญญะ เมื่อเข้าใจในสภาพธรรมที่ถูกต้อง ขณะนั้นก็เป็น โคจรสัมปชัญญะ และเมื่อปัญญาเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริงนั่นก็คืออสัมโมหสัมปชัญญะ ท่านอาจารย์กล่าวว่าจริงๆ แล้วไม่ใช่ไปเรียกชื่อว่าเป็นสาตถกสัมปชัญญะ เป็นการศึกษาพระธรรมเพื่อให้เข้าใจ ไม่ใช่ให้เรียกชื่อว่าเป็นอย่างนี้ อย่างนั้น
เชิญคลิกอ่าน ...
สัมปชัญญะมี ๔ อย่าง
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ต่อไปนี้ ทุกครั้งที่ทานอาหารอร่อย จึงต้องเพิ่มสัมปชัญญะ
สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ และขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งค่ะ
ขอบคุณและขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณมากๆ เลยครับ วันนี้กลับไปก่อน แต่ต้องอนุโมทนาพี่เต้ยที่นำข้อความที่ท่านอาจารย์กล่าวมาให้ได้อ่านครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ