[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 493
เรื่องพระธรรมทินนเถระตักเตือนศิษย์
ได้ทราบว่า ภิกษุหลายรูป ได้ตั้งตนอยู่ในโอวาทของพระเถระผู้อุปสมบทแล้วไม่นานเลย ก็พากันบรรลุคุณวิเศษ ภิกษุสงฆ์ชาวติสสมหาวิหาร ได้ทราบพฤติกรรมนั้นแล้ว ลงความเห็นว่าพระเถรูประกอบในเรื่องที่เป็นรูปไม่ได้ ท่านทั้งหลายจงนำเอาพระเถระมา แล้วได้ส่งภิกษุหลายรูปไป ภิกษุเหล่านั้นไปถึงแล้ว ได้เรียนว่า ท่านธรรมทินนะครับ ภิกษุสงฆ์เรียกหาท่าน ท่านกล่าวว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ท่านทั้งหลายจะแสวงหาตนหรือคนอื่น ภิกษุทั้งหลายเรียนว่า ข้าแต่ท่านสัตบุรุษ เราทั้งหลายแสวงหาตน พระเถระนั้นได้ให้กรรมฐานแก่ภิกษุเหล่านั้น ภิกษุเหล่านั้นได้บรรลุอรหัตกันหมดทุกรูป ภิกษุสงฆ์จึงได้ส่งภิกษุจำพวกอื่นไปอีก
ภิกษุที่สงฆ์ส่งไปอย่างนี้ถึง ๓ ครั้ง ก็ได้บรรลุอรหัตเหมือนกันทั้งหมดแล้ว อยู่ (กับพระเถระนั้น) ต่อจากนั้นมาพระสงฆ์เห็นว่า พระที่ไปๆ แล้ว ไม่กลับนา จึงได้ส่งภิกษุหลวงตาอีกรูปหนึ่งไป หลวงตานั้น ครั้นไปถึงแล้ว ได้พูดว่า ข้าแต่ท่านธรรมทินนะ ภิกษุสงฆ์สำนักติสสมหาวิหาร ส่งพระมาที่สำนักท่านถึง ๓ ครั้ง แต่ท่านเองไม่ทำความเคารพอาณัติสงฆ์ ไม่มา (ไปตามคำสั่ง) พระเถระตอบว่า นี่อะไรกัน แล้วให้หลวงตานั้นรับเอาบาตร และจีวรโดยไม่ต้องเข้าบรรณศาลา แล้วออกไปในทันทีทันใดนั่นแหละ ท่านได้แวะไปยังหังกนวิหาร ๑ ในระหว่างทาง และในหังกนวิหารนั้น มีมหาเถระรูปหนึ่งมีพรรษา ๖๐ ล่วงแล้ว ปฏิญาณตนเป็นพระอรหันต์ ด้วยมานะยิ่ง
พระเถระเข้าไปหาท่านไหว้ กระทำปฏิสันถาร แล้วได้เรียนถามถึงคุณธรรมที่ได้บรรลุ พระเถระกล่าวว่า เออ ท่านธรรมทินนะ กิจที่บรรพชิตพึงทำ ผมได้ทำเสร็จนานแล้ว บัดนี้ ผมก็พรรษา ๖๐ ล่วงแล้ว ท่านธรรมทินนะ เรียนถามว่า ใต้เท้าครับ ใต้เท้ายังใช้ฤทธิ์อยู่บ้างหรือไม่ ท่านตอบว่า ใช้อยู่ ท่านธรรมทินนะ ท่านธรรมทินนะ เรียนว่า ดีแล้วครับ ใต้เท้า ขอนิมนต์ใต้เท้าเนรมิตช้างกำลังเดินมาประจันหน้าใต้เท้า (ให้ดู) เถิด
พระเถระรับคำนิมนต์แล้ว ได้เนรมิตช้างเชือกใหญ่เผือกผ่อง เป็นที่สถิตแห่งคชลักษณ์ ๗ ประการ ตกมันกล้า แกว่งหาง สอดงวงเข้าปาก รี่มาประจันหน้าคล้ายกับจะเอางาทั้ง ๒ แทง ท่านเห็นช้างเชือกนั้นที่ตนเนรมิตขึ้นเอง กลัวเริ่มจะวิ่งหนี ในเวลานั้นเอง ท่านก็รู้ตัวว่า เรายังไม่ได้เป็นพระอรหันต์ จึงนั่งกระโหย่งลงแทบบาทมูลของท่านธรรมทินนะ แล้วกล่าวว่า ขอท่านจงเป็นที่พึ่งแก่ผมเถิด ท่านขอรับ ท่านธรรมทินนะได้พูดเอาใจพระเถระว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ท่านอย่าได้เศร้าโศก อย่าได้เสียใจ มานะยิ่งจะเกิดขึ้นเฉพาะการกบุคคลทั้งหลายเท่านั้น แล้วได้ให้กรรมฐาน (แก่พระเถระ) พระเถระดำรงอยู่ในโอวาทของท่าน แล้วได้บรรลุพระอรหัต
[เล่มที่ 17] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย มูลปัณณาสก์ เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 496
ถึงพระเถระ (อีกรูปหนึ่ง) ก็เช่นกัน อยู่ที่จิตตลดาบรรพต ท่านธรรมทินนะเข้าไปหาท่าน แล้วถามอย่างนั้นเหมือนกัน ๑ ทั้งท่านก็ได้พยากรณ์อย่างนั้นเหมือนกัน ถัดจากนั้นท่านธรรมทินนะ ก็ได้กล่าวกะท่านว่า ท่านได้ใช้ฤทธิ์บ้างหรือไม่ พระเถระตอบรับคำ ท่านธรรมทินนะ เรียนท่านว่า ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ดีแล้วขอรับ ขอให้ท่านเนรมิตสระโบกขรณีขึ้น ๑ สระเถิด พระเถระได้เนรมิต (ตามที่ขอร้อง) ท่านธรรมทินนะเรียนว่า ท่านขอรับ ขอให้ท่านเนรมิตกอบัวขึ้นในสระนี้ด้วยเถิด พระเถระก็เนรมิตกอบัวขึ้น (ตามที่ขอร้อง) ท่านธรรมทินนะขอร้องว่า ขอให้ท่านเนรมิตร่างหญิงคนหนึ่ง ยืนร้อง ร่ายรำด้วยเสียงไพเราะอยู่บนกอบัวนั้นเถิด พระเถระก็เนรมิตหญิงนั้น (ตามที่ขอร้อง) ท่านธรรมทินนะจึงเรียนว่า ขอให้ท่านเพ่งพินิจหญิงนั้นบ่อยๆ แล้วตัวท่านเองก็เข้าปราสาทไป เมื่อพระเถระเพ่งหญิงที่เนรมิตขึ้นนั้น กิเลสที่ข่มไว้เป็นเวลา ๖๐ ปีก็หวั่นไหว ในครั้งนั้นท่านรู้ตัว จึงขอเรียน กรรมฐานในสำนักของท่านธรรมทินนเถระ และได้บรรลุพระอรหัต เหมือนกับพระเถระรูปก่อน
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น