แม่ที่ทำแท้งเด็ก เด็กจะอยู่กับแม่จนสิ้นอายุขัยจริงหรือไม่
คุณเซจาน้อยมีความเห็นว่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าอย่างไรครับ
เรียน คุณchaiyut
ผมเข้าใจว่า ตราบใดที่ยังมีกิเลสอยู่ ตายแล้วก็เกิดทันที ทันทีที่จุติจิตเกิดขึ้นแล้วก็ดับไป ปฏิสนธิจิตก็เกิดสืบต่อโดยไม่มีระหว่างคั่น ครับ
ถูกต้องแล้วครับ ถ้าเราเข้าใจเรื่องของจิตอย่างถูกต้อง รู้จักจิตมากขึ้น คำถามข้างบนที่ว่า "แม่ที่ทำแท้งเด็ก เด็กจะอยู่กับแม่จนสิ้นอายุขัยจริงหรือไม่" เราก็จะได้คำตอบว่า "ไม่จริง" ตามเหตุผลที่คุณเซจาน้อยกล่าวในความเห็นที่ 2 ครับ
ขออนุโมทนา
คนที่ตายแล้ว แล้วยังปรากฏให้คนอื่นเห็นว่าเป็นคนนั้นอยู่ จริงๆ แล้ว ตายแล้วเกิดทันที เขาอาจจะเกิดเป็นเปรตแล้วมาขอส่วนบุญก็ได้ค่ะ
เป็นไปได้อย่างที่พี่ wannee.s กล่าวครับ ซึ่งในความเข้าใจเดิมของคนทั่วไป ยังคิดว่าเป็นเด็กคนเดิมจริงๆ ที่อาจจะมาแสดงตัวให้เห็น แต่เมื่อเราได้เข้าใจจุติจิต-ปฏิสนธิจิตตามความเป็นจริง ก็จะทราบว่า หลังจากตายแล้ว ปฏิสนธิจิตต้องเกิดสืบต่อจากจุติจิตทันที ไม่กลับมาเป็นเด็กคนเดิมอีก แต่เป็นอีกคนหนึ่งในภพใหม่ชาติต่อไป ซึ่งถ้าไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์ ก็คือเกิดเป็นอมนุษย์ แต่จะสมมติเรียกชื่อแตกต่างกันไปตามภูมิที่เกิดถ้าไปเกิดเป็นเปรต ก็แสดงว่าหมดความเป็นเด็กที่ถูกฆ่าโดยการทำแท้งแล้วในชาตินั้นเมื่อได้เกิดเป็นอมนุษย์ในภูมิของเปรต ก็เรียกว่าเกิดเป็นเปรต แล้วถ้าหากเขาระลึกถึงกรรมที่ทำให้ตนเกิดเป็นเปรตได้ เขาก็อาจจะแสดงตนเพื่อขอให้ผู้ที่ยังเป็นมนุษย์ได้กระทำกุศล แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้ เพื่อที่เขาจะได้อนุโมทนาในกุศลนั้น ซึ่งกุศลที่เขาได้เกิดกุศลจิตอนุโมทนานั้นเอง จะช่วยบรรเทาหรือช่วยให้เขาพ้นจากความทุกข์ความทรมาน ความหิว ความกระหาย และความลำบากต่างๆ ได้ครับ
ขออนุญาตร่วมสนทนาด้วยนะคะ แล้วที่ตอนนี้พวกหมอดูต่างๆ ที่บอกว่าตนมีญาณและพยายามตอกย้ำผู้ที่ไปขอคำปรึกษาว่าการกระทำนี้เป็นบาปหนัก วิญญาณเด็กจะอาฆาตมาดร้ายขัดขวาง และทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้ที่ทำต้องมีกรรมแบบที่ตายแล้วเกิดใหม่ ก็ไม่สามารถชดใช้ได้ อันนี้ ท่านเซจาน้อยและท่านอื่นๆ มีความเห็นกันอย่างไรบ้างคะ โดยส่วนตัวดิฉันไม่มีเจตนาที่จะสนับสนุนการกระทำนี้นะคะ แต่ตัวดิฉันเองก็เคยมีความผิดพลาดในสถานการณ์นี้มาเหมือนกันค่ะ ยอมรับว่าเป็นฝันร้าย เป็นเงาบาปในชีวิตนี้จริงๆ จนวันนี้ได้พูดคุยกับหมอดูท่านหนึ่งในเรื่องอื่น แต่หมอดูท่านนี้ กลับวกมาถามเรื่องนี้กับดิฉัน และกระหน่ำว่าดิฉันซะชีวิตนี้หาดีไม่ได้แล้ว จิตตกเลยค่ะ แต่ที่เลวร้ายมากกว่านั้นคือเขาบอกว่า คนที่เขาดูให้ ๔,๐๐๐ คน ๓,๐๐๐ คนในจำนวนนี้ที่มีปัญหาเรื่องเงิน เป็นเพราะทำแท้ง ชีวิตเลวร้ายหมด ดิฉันเลยมาคิดว่า ถ้าอย่างนั้นองคุลิมาลที่ฆ่าคนมากมาย แต่เมื่อสำนึกได้ก็คงจะไม่สามารถบรรลุได้ซิ แล้วทว่า ๓,๐๐๐ คนนั้นได้คำทำนายเหมือนที่คุยกับดิฉัน คงมีคนอยากฆ่าตัวตายแน่ๆ เลย ดิฉันเลยอยากให้หลายๆ ท่านที่มีจิตกรุณา ช่วยชี้แนะมีคำอธิบายดีๆ อย่างข้อความด้านบน เพิ่มเติมเผื่อเป็นธรรมทานค่ะ
ขอบพระคุณมากๆ นะคะ
สำคัญตรงที่ว่า คำพูดของหมอดูกับพระธรรมคำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ฟังจะให้ความสำคัญกับคำของใครมากกว่ากันครับ ถ้าเขาเห็นว่าคำของใครเป็นประโยชน์กับชีวิตของเขา เขาก็จะฟังคำนั้น ถูก-ผิด, รู้จริง-ไม่รู้จริง ก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ถ้าเขาเห็นว่า คำของใคร กล่าวแล้วช่วยให้เขาเกิดปัญญา เกิดความเข้าใจชีวิตของตัวเขาเอง เมื่อนั้น เขาก็จะฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าครับ ชีวิตของแต่ละคนเป็นไปตามผลของกรรมที่ได้กระทำมาส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งก็กำลังเป็นไปตามกรรมที่กระทำอยู่ในปัจจุบัน เรามีกรรมเป็นของตนเอง หมอดูก็มีกรรมของหมอดู ชีวิตจะเลวร้ายหรือไม่ ก็เพราะผลจากความไม่ดีที่เราเคยกระทำไว้ และกรรมไม่ดีที่เรากำลังกระทำอยู่ ไม่เกี่ยวกับผู้อื่น ผู้อื่นจะทำร้ายอะไรเราไม่ได้ ถ้าเราไม่เคยกระทำกรรมไม่ดีนั้นๆ มาในชาติก่อนๆ นับชาติไม่ถ้วน ครับ
อดีตผ่านไปแล้วก็ผ่านไป ให้ตั้งต้นใหม่ในปัจจุบันชาตินี้ ด้วยการศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ เมื่อปัญญาเจริญขึ้น กุศลอื่นๆ ก็เจริญขึ้นตามระดับขั้น และทำให้เรามั่นคงในเรื่องของกรรมและผลของกรรมค่ะ
อดีตผ่านไปแล้วแก้ไขไม่ได้ อนาคตยังมาไม่ถึง อย่าไปพะวง ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด (เจริญกุศล) ชีวิตข้างหน้าของคุณvi-vipavee ดีแน่ๆ ครับ ขอให้มั่นคงในการศึกษาพระธรรมต่อไป
ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้คุณวิภาวีค่ะ เราๆ ท่านๆ อาจเคยผิดพลาดมาแล้วไม่มากก็น้อย สิ่งที่ผ่านไปแล้ว (กรรม) แก้ไขไม่ได้ ทำกรรมใหม่ให้ดีเช่นศึกษาพระธรรม รักษาศีล (อย่างน้อยที่สุดศีล ๕)
ขออนุโมทนาค่ะ
ต้องขอขอบพระคุณทุกๆ ความคิดเห็นนะคะ คิดว่านอกจากดิฉันแล้ว ผู้อื่นที่ได้เข้ามาอ่านข้อความในเว็บนี้ก็คงรู้สึกเหมือนกันกับดิฉัน คือรู้สึกถึงความทุกข์ใจที่น้อยลงค่ะ
ขอบพระคุณมากค่ะ
วิภาวี
อนุโมทนาในทุกท่านค่ะ อ่านแล้วสัมผัสได้ถึงความเมตตาและความเป็นมิตรที่มีต่อกัน น่าชื่นใจที่ยังมีกลุ่มศึกษาพุทธที่มีน้ำใจไมตรีเช่นนี้
ขออนุโมทนาแด่น้ำใจเพื่อนมนุษย์ทุกๆ ท่าน ที่ช่วยเหลือเกื้อกูลกัน สาธุ สาธุ
วันนี้ลองเลี้ยงเด็กทารกให้เพื่อนบ้านดู รู้เลยว่าชีวิตนี้เปราะบางนัก กว่าจะโตขึ้นมาเป็นหนุ่มเป็นสาวได้ บิดา มารดา ล้วนต้องเอาใจใส่อย่างยิ่ง นอนไม่ได้นอน กินไม่ได้กิน พะวง ห่วง กลัว ลูกน้อยจะเป็นอะไรไป นอนท่าไหน หายใจสะดวกไหม ดิ้นทับมือไหม ฯลฯ ..โอววว.. ชีวิตมันช่างเปราะบางอะไรอย่างนี้ .. รู้สึกสำนึกขึ้นมาเลยว่าที่ผ่านมา เราไม่ควรถือทิฏฐิว่า ตัวเก่ง ตัวสามารถ แล้วมองไม่เห็นหัวใคร แม้แต่ผู้เป็นบิดามารดา ยิ่งไม่ควรแม้แต่จะคิดว่าท่านด้อยกว่าเรา อย่ามาสอนให้รำคาญ พึงตระหนักไว้เถอะ เราเองก็เคยเป็นทารก ผู้ไม่มีปัญญาแม้แต่จะกินข้าวหรือจะถ่ายอึเองได้ เติบโตมาได้เพราะใคร ไม่ใช่โตมาแล้วสำคัญตนผิด ว่า ตนเก่งกล้ามีความสามารถ เลยเป็นคนถือตัวไม่นอบน้อมท่าน เราควรสำนึกในพระคุณชีวิตไว้ บูชาท่านในตอนที่ท่านยังอยู่เถอะ อย่ารอให้บูรพาจารย์ท่านต้องสลายไปก่อนสายเลย.. ((((T_T) เมื่อมีโอกาสแนะท่าน ให้หาแสงสว่างพระธรรมได้ จงทำให้ได้
"ไม่ว่าคนในสังคมจะมีบางคนบางพวกแล้งน้ำใจกันขนาดไหน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังเต็มใจช่วยเหลือสังคมอยู่ดีแหละ แม้มีโอกาสทำได้นิดหน่อยก็ตาม ตอบแทนที่เราดำรงชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ ก็เพราะยังมีคนช่วยเหลือเกื้อกูลกัน อยู่ร่วมกัน"
ขอบคุณ และขออนุโมทนา
ขออนุโมทนาครับ