เข้าใจธรรมเพียงบทเดียว ก็เพียงพอ คามณิ ! ... เพราะเหตุว่า ถึงแม้เขาจะเข้าใจธรรมที่เราแสดงสักบทเดียว นั่นก็ยังจะเป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูลและความสุขแก่ชนทั้งหลายเหล่านั้น ตลอดกาลนาน สฬา. สํ. ๑๘/๓๘๗/๖๐๓.
ขอเรียนถามว่า "เข้าใจธรรมเพียงบทเดียว" ก็เพียงพอ หมายถึงอย่างไร และโปรดอธิบายข้อความดังกล่าวที่ยกมาข้างต้น เพื่อความเข้าใจด้วยครับ
อนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
จากพระสูตรที่ยกมานั้น เป็นพระสูตรที่ชื่อว่า เทศนาสูตร ซึ่งจะขอกล่าวเนื้อหาโดยย่อของพระสูตรนี้ เพื่อที่จะได้เข้าใจ ความเข้าใจธรรมเพียงบทเดียว จากคำถามได้อย่างถูกต้องครับ
เทศนาสูตร เรื่องราวดังนี้
นายบ้านอสิพันธกบุตร ได้ทูลถามพระพุทธเจ้าว่า พระองค์ทรงแสดง เกื้อกูลกับสัตว์ทั้งหลายโดยทั่วหน้า ใช่ไหม พระองค์ตรัสว่า อย่างนั้น นายคามณี ตถาคตเกื้อกูล อนุเคราะห์สัตว์ทั่วหน้าอยู่ นายบ้านทูลถามต่อว่า ทำไมพระองค์ถึงแสดงธรรม กับบุคคลบางคนก่อน แต่แสดงธรรมกับบุคคลบางคนทีหลัง หรือไม่แสดงธรรมกับบุคคลบางคนเลย พระพุทธเจ้าตรัสว่า เราจะทำอุปมา เปรียบเหมือน นา มี ๓ ชนิด นาในโลกนี้ คือ นาที่ดี นาที่ปานกลาง และนาที่เลวที่เป็นดินเค็ม แข็ง หากว่าผู้ที่จะหว่านข้าว ควรหว่านข้าวในนาไหนก่อน จึงจะควร นายบ้าน ตรัสตอบว่า หว่านในนาดีก่อนพระพุทธเจ้าข้า แล้วจึงค่อยหว่านในนาปานกลาง ส่วนาเลว หว่านทีหลัง หรือบางครั้งก็ไม่หว่านข้าวเลย เพราะในที่สุด ข้าวที่หว่าน ก็ไม่ขึ้น กลายเป็นอาหารของโคไปนั่นเอง
ดูก่อนนายบ้าน นาดี เปรียบเหมือน ภิกษุ ภิกษุณีของเราทั้งหลาย เราย่อมแสดงธรรมงามในเบื้องต้น ท่ามกลางและที่สุดของเรา แก่ภิกษุ ภิกษุณีของเราก่อน เพราะว่า ภิกษุ ภิกษุณี มีเราเป็นที่พึ่ง ที่อาศัย คือ เลื่อมใส ศรัทธาในเรา และที่สำคัญ เขาสะสมปัญญามามาก จึงสามารถฟังธรรมและรองรับพระธรรมนั้นได้ คือ เข้าใจธรรมและบรรลุได้ จึงแสดงธรรมกับผู้ที่สะสมปัญญามาก มีศรัทธาก่อน ส่วนนาเลว คือ พวกอัญเดียรถีย์ปริพพาชก พวกนอกศาสนา เราย่อมแสดงธรรมกับชนเหล่านี้ภายหลัง เพราะเขาสะสมปัญญามาน้อย ไม่ได้เลื่อมใสตั้งแต่แรก แต่เราก็แสดงธรรมกับเขา สำหรับ พวกนอกศาสนาที่สะสมปัญญามาบ้างในอดีต แม้ไม่มาก เพราะเมื่อเขาได้ฟัง เขาย่อมเข้าใจได้บ้าง แม้ไม่มาก เพียงบทเดียว ข้อความในพระไตรปิฎกใช้ว่า เพราะอัญเดียรถีย์ สมณะ พราหมณ์และปริพาชกจะพึงรู้ธรรมแม้บทเดียว ความรู้ของเขานั้นพึงเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขแก่เขาสิ้นกาลนาน
ความหมาย คือ จะพึงรู้ธรรมเพียงบทเดียว คือ เข้าใจธรรม ได้เล็กน้อย นิดหน่อยแม้พระองค์จะแสดงธรรมทั้งพระสูตร บางคนก็เข้าใจมาก คือ ผู้ที่สะสมปัญญามามากก็เข้าใจและบรรลุธรรมเลยก็มี แต่บางบุคคล ฟังสูตรเดียวกัน แต่เข้าใจเพียงบทเดียวเล็กน้อย แต่ความเข้าใจที่เกิดขึ้นเล็กน้อย เพียงบทเดียวนั้น ก็เป็นประโยชน์เกื้อกูลกับเขามากแล้ว เพราะเท่ากับ สะสมปัญญา ศรัทธาไปเพื่อเป็นอุปนิสัยในชาติต่อๆ ไป ให้ได้เข้าใจมากขึ้น มีศรัทธามากขึ้นและบรรลุธรรมในอนาคต เพราะในความเป็นจริง ผู้ที่บรรลุธรรมในชาตินั้น ชาติก่อนๆ ในอดีต ก็ต้องเคยเข้าใจน้อย รู้ธรรมเพียงบทเดียว คือเข้าใจเพียงไม่มาก จากบทเดียวในพระธรรมนั้น แล้วจึงสะสมปัญญามาเรื่อยๆ ในชาติต่อๆ ไป จึงทำให้บรรลุธรรมได้ครับ
ดังนั้น การรู้ธรรมเพียงบทเดียว ก็เพียงพอ ไม่ใช่หมายถึง รู้แล้วแค่นั้นพอเลย หรือ บรรลุเลย ในความหมายของพระสูตรนี้ แต่หมายถึงการรู้ธรรมเพียงบทเดียว คือ เขารู้แค่นั้น ไม่มาก สำหรับพวกนอกศาสนา หรือ ใครก็ตามที่สะสมปัญญามาน้อย แม้ความรู้ที่เกิดขึ้น ปัญญาทีเกิดขึ้น เพียงบทเดียว ไม่มาก ก็เพียงพอแล้ว เพียงพอ อย่างไร คือ เพียงพอที่จะเป็นประโยชน์ เกื้อกูลกับเขาในอนาคต ในชาติต่อๆ ไปที่จะทำให้เขามีอัธยาศัย สนใจพระธรรมากขึ้น และปัญญาก็จะเจริญขึ้น ในชาติต่อไป และได้พบพระธรรมอีก เพราะสะสมบุญเก่า คือ ความเข้าใจที่เกิดขึ้น เพียงบทเดียว และในอนาคตก็ทำให้บรรลุธรรม เพราะอาศัยในอนาคตได้บรรลุธรรม เพราะได้เข้าใจ ธรรมเพียงเล็กน้อย บทเดียวในชาตินี้ พระองค์จึงตรัสว่า เพียงพอแล้วสำหรับเขาและเป็นประโยชน์เกื้อกูลกับเขาเหล่านั้นแล้ว พระองค์จึงทรงแสดงธรรมกับเขา แม้เป็นนาเลว แต่ก็พอฟังเข้าใจได้บ้าง เพียงบทเดียว ครับ
ซึ่งในสมัยพุทธกาล ก็มีผู้ที่เป็นพวกนอกศาสนา พระองค์แสดงธรรม เขาไม่บรรลุ แต่เขาก็พอเข้าใจ ถึงพระรัตนตรัยเป็นสรณะบ้าง แต่พระองค์ก็ตรัสว่า เพียงพอแล้วสำหรับเขา เพราะจะเป็นอุปนิสัยให้เขาได้บรรลุในอนาคต เพราะการรู้ธรรมไม่มาก เพียงบทเดียว ในพระสูตรนั้นก็จะเป็นประโยชน์เกื้อกูล คือ ปัญญาที่เจริญขึ้น เป็นประโยชน์ในภายภาคหน้าครับ
ดังเช่น เราทั้งหลายที่มีปัญญาไม่มาก สะสมมาน้อย ได้ฟังพระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงทั้งหมด ก็ไม่สามารถเข้าใจพระสูตรนั้นได้ทั้งหมด หรือ แต่ละคนก็เข้าใจมากน้อย แตกต่างกันไป ตามปัญญาที่สะสมมาแตกต่างกัน แต่ ปัญญาที่เข้าใจบ้าง เพียงเล็กน้อย เพียงบทหนึ่งในพระสูตรนั้น ความเข้าใจ คือ ปัญญา ไม่ได้สูญหายไปไหน แต่สะสมไป ทำให้ความเข้าใจ ปัญญาค่อยๆ เพิ่มขึ้นทีละน้อย ความเข้าใจแม้เพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้น จากพระธรรม แม้เพียงบทเดียวในพระสูตร ชื่อว่า ประเสริฐ และมีอุปการะมากกับการบรรลุธรรมในอนาคต ครับ
ดังนั้น ไม่ควรประมาท ความเข้าใจที่เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อย จากพระธรรม เพราะ น้ำในตุ่ม จะเต็มได้ แม้เพียงน้ำทีละหยด ฉันใด ปัญญาที่สะสมทีละน้อย ย่อมสะสมมากยิ่งขึ้น จนปัญญาแก่กล้า บรรลุธรรม ปัญญา ความเข้าใจที่เกิดขึ้น เพียงบางบทในพระธรรม หรือ บทเดียวในพระธรรมจึงมีอุปการะมาก ด้วยประการ ฉะนี้
ขออนุโมทนาที่ร่วมสนทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น มีความละเอียดลึกซึ้ง ยากที่จะตรัสรู้ตามได้ เป็นธรรมอันบัณฑิตเท่านั้นที่จะรู้ได้ ธรรมจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะกว่าที่พระผู้มีพระภาคเจ้าจะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านั้น พระองค์ต้องใช้เวลาอันยาวนาน ในการบำเพ็ญพระบารมีตลอดระยะเวลาสี่อสงไขยแสนกัปป์
และเมื่อพระองค์ทรงตรัสรู้แล้ว ตลอดระยะเวลา ๔๕ พรรษา ในการประกาศพระศาสนาของพระองค์นั้น ก็เพื่ออนุเคราะห์สัตว์โลกได้เข้าใจความจริง หลุดพ้นจากทุกข์ หมดจดจากกิเลสโดยประการทั้งปวงตามพระองค์ ซึ่งจะเห็นได้ว่าจากการแสดงพระธรรมของพระองค์ในแต่ละครั้งๆ นั้น มีผู้ที่ได้ประโยชน์จากพระธรรม รู้แจ้งอริยสัจจธรรมบรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ เป็นจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน และสำหรับผู้ที่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมถึงความเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ นั้น กว่าที่ท่านจะถึงวันดังกล่าวนั้นได้ ท่านก็ต้องเป็นผู้ได้สะสมการสดับตรับฟังพระธรรม สะสมปัญญามาเป็นเวลาอันยาวนาน ด้วยกันทั้งนั้น และบางคนบางท่านแม้ไม่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรมในขณะนั้น ก็สะสมเป็นที่พึ่งในภายหน้าต่อไป การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ได้ศึกษาพระธรรม แล้วมีความเข้าใจ จะน้อยหรือมากก็เป็นประโยชน์ ซึ่งขณะนั้น เป็นการเป็นการสะสมปัญญา ปัญญาก็เจริญขึ้น เพิ่มขึ้นไม่สูญหายไปจากจิต
เพราะฉะนั้น ในแต่ละภพในแต่ละชาติ มีชีวิตอยู่ก็เพื่อได้ฟังพระธรรม ได้สะสมอบรมเจริญปัญญา เพื่อความเข้าใจถูก เห็นถูกยิ่งขึ้น ไม่ขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรม สะสมปัญญาต่อไป ครับ.
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ท่านพระสารีบุตร ได้ฟังธรรมสั้นๆ คาถาเดียว จากท่านพระอัสสชิ ท่านก็ได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน เพราะท่านได้สะสมบุญบารมี และ เหตุปัจจัยมาแล้ว ค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"เพียงบทเดียว ไม่มาก ก็เพียงพอแล้ว เพียงพอ อย่างไร คือเพียงพอที่จะเป็นประโยชน์เกื้อกูลกับเขาในอนาคต ในชาติต่อๆ ไปที่จะทำให้เขามีอัธยาศัย สนใจพระธรรมากขึ้น และปัญญาก็จะเจริญขึ้น ในชาติต่อไป"
"การมีโอกาสได้ฟังพระธรรม ได้ศึกษาพระธรรม แล้วมีความเข้าใจ จะน้อยหรือมากก็เป็นประโยชน์ ซึ่งขณะนั้น เป็นการเป็นการสะสมปัญญา ปัญญาก็เจริญขึ้น เพิ่มขึ้นไม่สูญหายไปจากจิต"
ขอบคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และ อ.ผเดิม และของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของ อ.คำปั่น และ อ.ผเดิม และทุกท่านครับ
ขออนุโมทนาค่ะ
สาธุ
สาธุ
สาธุ
สาธุ
สาธุ