นโม ตสฺส ภควโต อรหโต สมฺมาสมฺพุทธสฺสพุทฺธํ สรณํ คจฺฉามิธมฺมํ สรณํ คจฺฉามิสงฺฆํ สรณํ คจฺฉามิ•••..... ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย .....•••
... สนทนาธรรมที่ ...
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา (มศพ.)
พระสูตร ที่จะนำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๕๕ เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๒.๐๐ น. คือ
พราหมณสูตร
(ว่าด้วยพระสัทธรรมตั้งอยู่ไม่ได้นาน)
จาก...สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ ๔๖๖
(ภาพแสดงบรรยากาศการสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯ ในวันเสาร์ที่ ๒๖ พ.ค. ๒๕๕๕)
...นำสนทนาโดย...
ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ และคณะวิทยากร
สุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ ๔๖๖
พราหมณสูตร
(ว่าด้วยพระสัทธรรมตั้งอยู่ไม่ได้นาน)
[๗๗๗] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ :-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อาราม
ของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ใกล้กรุงสาวัตถี ครั้งนั้น พราหมณ์
คนหนึ่ง เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกะพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วน
ข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
[๗๗๘] ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรหนอ เป็นเหตุเป็นปัจจัย
เครื่องทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ไม่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพาน
แล้ว และอะไร เป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้นาน
ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว.
[๗๗๙] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนพราหมณ์ เพราะบุคคล
ไม่ได้เจริญ ไม่ได้กระทำให้มากซึ่งสติปัฏฐาน ๔ พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ไม่ได้
นาน ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว และเพราะบุคคลเจริญ กระทำให้มาก
ซึ่งสติปัฏฐาน พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ได้นาน ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว.
สติปัฏฐาน ๔ เป็นไฉน? ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณาเห็นกายในกายอยู่
มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย ย่อม
พิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ ... ย่อม
พิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัด
อภิชฌาและโทมนัสโนโลกเสีย ดูก่อนพราหมณ์ เพราะบุคคลไม่ได้เจริญ
ไม่ได้กระทำให้มากซึ่งสติปัฏฐาน ๔ เหล่านั้นแล พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ได้
ไม่นาน ในเมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว และเพราะบุคคลได้เจริญ ได้กระทำ
ให้มากซึ่งสติปัฏฐาน ๔ เหล่านี้แล พระสัทธรรมจึงตั้งอยู่ได้นาน ในเมื่อ
ตถาคตปรินิพพานแล้ว.
[๗๘๐] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว พราหมณ์นั้นได้
กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์
ไพเราะยิ่งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์ไพเราะยิ่งนัก
เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิด บอกทางแก่บุคคลผู้หลงทาง
หรือตามประทีปในที่มืด ด้วยหวังว่าผู้มีจักษุจักแลเห็นได้ ฉะนั้น ขอท่าน
พระโคดมโปรดทรงจำข้าพระองค์ ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะจนตลอดชีวิตตั้งแต่
วันนี้เป็นต้นไป.
จบพราหมณสูตรที่ ๕
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ข้อความโดยสรุป
พราหมณสูตร
(ว่าด้วยพระสัทธรรมตั้งอยู่ไม่ได้นาน)
เมื่อครั้งที่พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน พราหมณ์คนหนึ่งเข้า
ไปเฝ้าพระองค์แล้วกราบทูลถามว่า อะไรเป็นเหตุทำให้พระสัทธรรม ตั้งอยู่ไม่ได้นาน
กับตั้งอยู่ได้นาน เมื่อพระตถาคตเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว
พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบพราหมณ์ว่า เพราะบุคคลไม่ได้เจริญสติปัฏฐาน ๔
(ระลึกรู้กาย เวทนา จิต ธรรม) จึงทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ไม่ได้นาน แต่เพราะ
บุคคลได้เจริญสติปัฏฐาน ๔ จึงทำให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้นาน เมื่อพระตถาคต
ดับขันธปรินิพพานไปแล้ว
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว พราหมณ์ก็ได้กล่าวสรรเสริญพระภาษิต
ของพระองค์ และได้ขอถึงพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งจนตลอดชีวิต.
ขอเชิญคลิกอ่านข้อความเพิ่มเติมเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้นได้ที่นี่ ครับ โมฆบุรุษในโลกนี้ทำให้พระสัทธรรมเลือนหายไป [สัทธรรมปฏิรูปกสูตร] ความไม่เคารพพระรัตนตรัย [อรรถกถาสัทธรรมปฏิรูปกสูตร] เหตุปัจจัยทำให้ศาสนาเสื่อม [กิมพิลสูตร] ว่าด้วยเหตุเสื่อมและเหตุเจริญแห่งศาสนา [ปฐมสัทธัมมสัมโมสสูตร]
ก่อนจะถึง...สติ-ปัฏฐาน !
สภาพธรรมะต่างๆ เป็นสติปัฏฐาน
การเจริญสติปัฏฐานกับการเจริญขึ้นของกุศล
ผู้ทำให้พระสัทธรรมเสื่อมและมั่นคง สัทธรรม สัทธรรมมีความหมายหลายนัย ...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ขอบคุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
อธิบายและสรุป พราหมณสูตร
พระธรรมของพระพุทธเจ้า ที่เป็นพระสัทธรรม จะตั้งอยู่ได้นาน หรือ ไม่ได้นาน
สำคัญ คือ ความเข้าใจของสัตว์โลกที่ได้ฟังแล้วมีความเข้าใจถูกในหนทางการอบรม
ปัญญาหรือไม่ เพราะฉะนั้น ไม่ใช่เพียงแต่ว่า พุทธบริษัท จะให้ทาน ทำบุญ รักษาศีล
เข้าวัด ทำพิธีกรรมทางศาสนา สร้างศาสนาวัตถุมากมาย จะเป็นการรักษาพระศาสนา
ไว้ เพราะ พระศาสนา และ พระสัทธรรมไม่ไ้ด้อยู่ที่วัตถุ ที่ปรากฎให้เห็น ไม่ไ้ด้อยู่เพียง
กุศลขั้นทาน และ ขั้นศีล ที่ศาสนาอื่นๆ มีกัน แต่ พระพุทธเจ้าทรงแสดงหนทางการ
ดับกิเลส คือ การเจริญสติปัฏฐาน ที่เป็น การรู้ความจริงของสภาพธรรมมที่มีในขณะนี้
เพราะะฉะนั้น หากไม่มีความเข้าใจเรื่องสติปัฏฐาน คือ หนทืางการอบรมปัญญา พระ
สัทธรรม และ พระศาสนาก็ไม่สามารถจะดำรงอยู่ได้ ก็กลายเป็นเพียงกุศลขั้นทาน
และ ขั้นศีล เท่านั้น ไม่ใช่กุศลที่เป็นการเจริญวิปัสสนา ที่เป็นการปฏิบัติธรรม อัน
จะทำให้ถึงการดับกิเลส อันเป็นแก่นของพระพุทธศาสนา ดังนั้น การทำให้สัทธรรม
ดำรงอยู่ได้ ก็ด้วยความเข้าใจหนทางที่ถูกในการดับกิเลส เพราะ ศาสนาและสัทธรรม
ไม่ใช่ สิ่งที่เห็นได้ ไม่ใช่ศาสนาวัตถุ แต่ คือ ความเข้าใจพระธรรมของแต่ละคนที่
เกิดขึ้นในจิตใจ ที่เป็นนามธรรม ความเข้าใจพระธรรมของแต่ละคน ที่มีชื่่อว่า ยังให้
พระศาสนา และ พระสัทธรรมให้เจริญรุ่งเรืองในจิตใจของบุคคลนั้นเองที่มีความ
เข้าใจพระธรรม จึงขาดการฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมไม่ได้เลย เพราะ ปัญญานั้น
เองที่จะรักษาพระศาสนา รักษาพระสัทธรรม ให้อยู่ในจิตใจของบุคคลนั้น สะสมต่อ
ไปในภายหน้า
โดยมากเราจะมองว่าพระสัทธรรม จะเจริญรุ่งเรือง หรือ เสื่อมไป โดยมองจากภาย
นอก จากบุคคลอื่น แต่ควรย้อนกลับมาที่จิตใจ ความเข้าใจของตนเองว่ามีความเข้าใจ
การเจริญสติปัฏฐานที่เป็นหนทางการดับกิเลสอย่างถูกต้องหรือไม่อย่างไร เมื่อเข้าใจ
ดังนี้ ก็จะค่อยๆ สะสมความเข้าใจ โดยการฟังพระธรรม ความเข้าใจพระธรรม ย่อมทำ
ให้ศาสนา และ พระสัทธรรม รุ่งเรืองในจิตใจของตน โดยไม่ไ้ด้สนใจ บุคคลใด บุคคล
อื่น เพราะ กิจที่ควรทำ คือ การแลดูกิจของตน ไม่ใช่การแลดูกิจขอคนอื่น เมื่อมีความ
เข้าใจพระะรรมอย่างถูกต้องแล้ว ก็ย่อมสามารถเกื้อกูล จิตใจของบุคคลอื่นให้มีความ
เข้่าใจพระธรรมากขึ้นได้ ครับ ดังนั้น พระสูตรนี้ จึงเป็นการแสดงถึง การเข้าใจหนทาง
การดับกิเลส คือ สติปัฏฐาน ของจิตใจของแต่ละคน ว่าเป็นเครื่องวัดว่า พระสัทธรรม
เจริญหรือเสื่อม ซึ่งไม่ใช่เจริญหรือเสื่อมที่ไหน ที่ใจอขงแต่ละคนนั่นเอง ครับ
ดังข้อความในอรรถกถา ฐิติสูตร ที่เป็นสูตรก่อนหน้า พราหมณสูตร ที่มีเนื้อหาเหมือน
กัน ที่แสดงว่า การเจริญสติปัฏฐาน 4 หรือ ไม่เจริญ ย่อมทำให้ พระสัทธรรมรุ่งเรือง
หรือ เสื่อม ได้อธิบายชัดเจนถึง ความเสื่อมของสัทธรรม อยู่ที่จิตใจของแต่ละคน ครับ
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย มหาวารวรรค เล่ม ๕ ภาค ๑ - หน้าที่ 463
อรรถกถาฐิติสูตร
ในฐิติสูตรที่ ๒ คำว่า ย่อมมีการเสื่อมสูญแห่งพระสัทธรรม
ได้แก่ ย่อมมีความเสื่อมหายด้วยอำนาจบุคคล. จริงอยู่ ภิกษุใด ตอนที่
พระพุทธเจ้าทั้งหลายยังทรงพระชนม์อยู่ ไม่เจริญสติปัฏฐาน ๔ พระสัทธรรม
ของภิกษุนั้น ก็เป็นอันหายไป เหมือนพระสัทธรรมของพระเทวทัตเป็นต้น.
ในสูตรนี้ ตรัสถึงความสูญหายแห่งธรรมของบุคคลนั้นแล.
จบอรรถกถาฐิติสูตรที่ ๒
ขออนุโมทนา
ขอบคุุณและขออนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาค่ะ
ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณและอนุโมทนาครับ
กราบขอบพระคุณและขออนุโมทนาค่ะ