[เล่มที่ 71] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 774
เถราปทาน
อารักขทายกวรรคที่ ๓๒
ติรังสิยเถราปทานที่ ๘ (๓๑๘)
ว่าด้วยผลแห่งความสรรเสริญ
อ่านหัวข้ออื่นๆ ... [เล่มที่ 71]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 774
ติรังสิยเถราปทานที่ ๘ (๓๑๘)
ว่าด้วยผลแห่งความสรรเสริญ
[๓๒๐] ปีติเกิดขึ้นแก่เรา เพราะได้เห็นพระพุทธเจ้าพระนามว่า สิทธัตถะ ผู้องอาจดังพญาราชสีห์ ประทับนั่งอยู่ ณ ระหว่าง ภูเขา ยังทิศให้สว่างไสว ดังกองไฟที่ภูเขา และเพราะได้ เห็นแสงสว่างของพระอาทิตย์ แสงสว่างของพระจันทร์ และ แสงสว่างของพระพุทธเจ้า.
ครั้นเราได้เห็นแสงสว่าง ๓ ประการ และเห็นพระสาวก อันอุดมแล้ว จึงทำหนังสัตว์เฉวียงบ่าข้างหนึ่ง แล้วสรรเสริญ พระพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลกว่า พระจันทร์ พระอาทิตย์ และพระพุทธเจ้าผู้เป็นนายกของโลก ๓ อย่างนี้แล.
ส่องแสงสว่างในโลก เป็นผู้บรรเทาความมืดของโลก เรายกข้ออุปมาขึ้นสรรเสริญพระมหามุนี ครั้นเราสรรเสริญ พระคุณของพระพุทธเจ้าแล้ว บันเทิงอยู่ในสวรรค์ตลอดกัป.
ในกัปที่ ๙๔ แต่กัปนี้ เราได้สรรเสริญพระพุทธเจ้าใด ด้วยการสรรเสริญนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการ สรรเสริญ.
ในกัปที่ ๖๑ แต่กัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิพระองค์ หนึ่ง ทรงพระนามว่าญาณวระ ทรงสมบูรณ์ด้วยแก้ว ๗ ประการ มีพละมาก.
คุณวิเศษเหล่านี้ คือ ปฏิสัมภิทา ๔ วิโมกข์ ๘ และ
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อปทาน เล่ม ๘ ภาค ๒ - หน้า 775
อภิญญา ๖ เราทำให้แจ้งชัดแล้ว คำสอนของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้.
ทราบว่า ท่านพระติรังสิยเถระได้กล่าวคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล.
จบติรังสิยเถราปทาน