การมีพระนิพพานเป็นอารมณ์

 
ckitipor
วันที่  25 ก.พ. 2550
หมายเลข  2905
อ่าน  4,609

บุคคลใดบ้างที่มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ การมีพระนิพพานเป็นอารมณ์เกิดขึ้นได้บ่อยไหมครับ

ขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
study
วันที่ 26 ก.พ. 2550

ผู้ที่มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ต้องเป็นพระอริยบุคคล มีพระโสดาบันบุคคล เป็นต้น พระอริยบุคคลที่ท่านได้ฌานสามารถเข้าผลสมาบัติได้ ขณะที่จิตเป็นผลสมาบัติมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ สำหรับพระพุทธองค์ทรงเข้าผลสมาบัติเป็นประจำ แม้ขณะที่แสดงธรรมอยู่ ผู้ฟังให้สาธุการ พระองค์เข้าผลสมาบัติทันที

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 26 ก.พ. 2550

ขณะที่มรรคจิตเกิด ผลจิตเกิดก็มีนิพพานเป็นอารมณ์ ปุถุชนไม่สามารถมีนิพพานเป็นอารมณ์ได้

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
สัมภเวสี
วันที่ 27 ก.พ. 2550

สวัสดีครับ ขอแทรกความรู้ที่ผมได้ศึกษามานะครับ

ต้องทราบก่อนว่าพระนิพพานเป็นอารัมมณปัจจัยให้จิตได้ถึง ๑๙ ดวง ดังนี้

๑. มโนทวาราวัชชนจิต ๑ ดวง

๒. มหากุสล ญาณสัมปยุตตจิต ๔ ดวง

๓. มหากิริยา ญาณสัมปยุตตจิต ๔ ดวง

๔. โลกุตตรจิต ๘ ดวง

๕. อภิญญากุสลจิต ๑ ดวง

๖. อภิญญากิริยาจิต ๑ ดวง รวมทั้งสิ้น ๑๙ ดวง

พระนิพพานเป็นอารมณ์ของจิตดังกล่าวได้ทั้งหมด ๑๙ ดวง ซึ่งต้องเป็นจิตของพระอริยบุคคลครับ จิตที่เข้าไปรับพระนิพพานเป็นอารมณ์ คือ จิตในมัคควิถี ผลสมาปัตติวิถี ปัจจเวกขณวิถี อภิญญาวิถี ครับ

แต่สำหรับผลสมาปัตติวิถีนั้นสามารถเกิดได้กับพระอริยบุคคลทั้งปวงครับ ไม่จำเป็นที่จะต้องเกิดเฉพาะโลกียฌานลาภีบุคคลครับ เพราะว่าโลกุตตรจิตเป็นโลกุตตรฌานครับ ประกอบด้วยอัปปนาสมาธิ ไม่ใช่สมาธิขั้นขณิกหรืออุปจารสมาธิครับ โลกุตตรจิต ๘ ที่แสดงโดยย่อในอภิธัมมัตถสังคหะนั้น หากจำแนกโดยพิสดาร โลกุตตรจิต ๘ ดวงที่แสดงโดยย่อนั้นเป็นโลกุตตรปฐมฌานครับ (ตรวจสอบได้ในอภิธัมมัตถวิภาวินีฎีกา, มณิสารมัญชุสา) ดังนั้น จึงต้องไม่ปะปนกันระหว่างโลกียฌานและโลกุตตรฌานครับ พระพุทธโฆษาจารย์จึงได้แสดงข้อความนี้ไว้ในวิสุทธิมัคคปกรณ์ครับ สามารถค้นคว้าได้ในปัญญานิทเทส ในหัวข้อของผลสมาบัติครับ ท่านอ้างความเห็นอันบริสุทธิ์ในฝ่ายมหาวิหารว่า พระอริยบุคคลทั้งปวง สามารถเข้าผลสมาบัติได้

อนุโมทนาครับ

สัมภเวสี

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
praisin
วันที่ 11 มี.ค. 2550

ควรจะเรียกว่ามีธรรมเป็นอารมณ์ คือ เมื่อปุถุชนเกิดมีธรรมขึ้นในดวงจิตจะกลายเป็นอริยะ ดังนั้น เราจึงควรมีธรรมเป็นอารมณ์อยู่เสมอ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
sutta
วันที่ 11 มี.ค. 2550

ต้องเข้าใจว่าธรรมะคืออะไร และจิตที่เกิดขึ้นต้องมีอารมณ์ จิตจะเกิดขึ้นโดยไม่มีอารมณ์ไม่ได้ ธรรมะหรือธาตุ หมายถึง สิ่งที่มีจริง ซึ่งก็คือปรมัตถธรรม ๔ นิพพานก็เป็นธรรมะหรือเป็นธาตุ ซึ่งบางครั้งท่านก็เรียก นิพพานธาตุ ดังนั้นผู้ที่มีพระนิพพานเป็นอารมณ์ต้องเป็นพระอริยบุคคล มีพระโสดาบันบุคคล เป็นต้น พระอริยบุคคลที่ท่านได้ฌาน สามารถเข้าผลสมาบัติได้ ขณะที่จิตเป็นผลสมาบัติมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ สำหรับพระพุทธองค์ทรงเข้าผลสมาบัติเป็นประจำ แม้ขณะที่แสดงธรรมอยู่ ผู้ฟังให้สาธุการ พระองค์เข้าผลสมาบัติทันที

ผู้ที่ไม่ได้ฟังพระธรรมก็ย่อมจะไม่เข้าใจความจริงของสภาพธรรมที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน พระผู้มีพระภาคทรงแสดงหนทางอบรมเจริญปัญญาอย่างละเอียด ทรงแสดงเหตุ และปัจจัยที่ทำให้การอบรมปัญญาเจริญขึ้น ซึ่งโดยย่อก็คือ การฟังธรรมและเห็นประโยชน์ของการศึกษาธรรม เมื่อปัจจัยทั้งสองนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ เนืองๆ ปัญญาก็ย่อมอบรมเจริญขึ้นได้

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
suntarara
วันที่ 15 พ.ค. 2550

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
yu_da2554hotmail
วันที่ 14 พ.ย. 2567

ยินดรในกุศลจิตค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ