อุทิศส่วนกุศล
การอุทิศส่วนกุศลให้ผู้อื่นอนุโมทนา ต้องแสดงออกมาทางกาย ทางวาจา ผู้อื่นจึงจะรู้ได้ ถ้าเพียงอยู่ระลึกอยู่ในใจผู้อื่นไม่สามารถรู้ได้
อุทิศส่วนกุศลที่ทำแล้วในใจ ไม่พูดออกมาทางวาจา ก็เป็นกุศลจิตของผู้อุทิศเอง แต่เขาอาจจะไม่รู้และไม่ได้อนุโมทนา ยกเว้น ผู้ที่มีเจโตวิมุติ (รู้ใจของคนอื่น) และเทวดาก็สามารถรู้จิตของคนอื่นได้ เช่น ตอนที่ท้าวสักกะ คิดในใจว่าจะไม่เบียดเบียนคนที่เป็นข้าศึก ท้าวเวปจิตติจอมอสูรรู้จิตของท้าวสักกะจึงเข้าไปหาท้าวสักะ ฯลฯ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
บุญอยู่ที่จิต แสดงได้ทั้ง ๓ ทวาร คือ กาย วาจา ใจ มนุษย์ด้วยกัน เมื่ออุทิศส่วนกุศลให้ (บอกบุญ) ถ้าคิดในใจเขาย่อมไม่รู้ แต่ก็เป็นบุญของตนเองที่มีเจตนาอุทิศให้ แต่สัตว์บางพวกที่รู้วาระจิต เช่น เปรต หรือ เทวดา แม้อุทิศส่วนกุศลให้โดยทางใจ เขาก็ย่อมสามารถรู้ได้ แล้วแต่ว่าเขาจะอนุโมทนาหรือไม่อนุโมทนาก็เป็นกุศลของเราที่เป็น ปัตติทานมัยแล้วครับ
ขออุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
เคยมั้ยที่เห็นคนอื่นทำความดี แล้วกุศลจิตเกิดอนุโมทนา โดยที่ผู้นั้นไม่ได้อุทิศส่วนกุศลให้
อนุโมทนา คือ เวลาเห็นใครทำความดีแล้วก็รู้สึกยินดีด้วย โดยที่ไม่ได้พูดออกมาก็ได้ส่วนการอุทิศส่วนกุศล ใช้กับคนที่ล่วงลับไปแล้ว เช่น ถ้าญาติเราไปเกิดเป็นเปรตเราต้องทำบุญกับผู้มีศีล แล้วอุทิศให้เขา เขาจึงจะสามารถรับส่วนบุญที่เราอุทิศไปให้ได้ เหมือนเปรตที่เป็นญาติของพระเจ้าพิมพิสารมาขอส่วนบุญ เพราะว่าพระเจ้าพิมพิสารทำบุญกับพระพุทธเจ้าและสาวก แล้วไม่ได้อุทิศกุศลให้ญาติ ภายหลังก็อุทิศส่วนกุศลให้ญาติที่เป็นเปรตก็ได้รับค่ะ
เมื่อวาน ข้าพเจ้าไปถวายสังฆทานแด่พระสงฆ์อาพาธ ที่รพ.สงฆ์ เพื่ออุทิศกุศลให้คุณพ่อ คุณแม่ และญาติผู้ล่วงลับ ด้วยกาย วาจา ใจ ครบตามที่ท่านแนะนำแล้ว