นิพพานไม่ใช่เหตุและไม่ใช่ผลอย่างไร?
นิพพานเป็นธรรมไม่อาศัยเหตุปัจจัยเกิดขึ้น แต่นิพพานรู้ได้ด้วยจิต และนิพพานก็ไม่ใช่จิต เจตสิก รูป เคยมีบางคนสงสัยว่านิพพานเกิดจากเหตุ คือมรรคจิต เพราะเมื่อมรรคจิตไม่เกิดนิพพานก็ไม่รู้ได้ แต่ก็ได้คำตอบจากหนังสือพุทธธรรม เปรียบเหมือนคนเดินทางไปเชียงใหม่ ถนนที่ทำให้ถึงเชียงใหม่คือมรรค เชียงใหม่เปรียบเหมือนนิพพาน เชียงใหม่ไม่ได้อาศัยถนนเกิด แต่เชียงใหม่มีอยู่แล้ว แม้ว่าจะไปเชียงใหม่หรือไม่ เชียงใหม่ก็มีอยู่แล้ว เหมือนนิพพานไม่ได้เกิดจากมรรคจิต
อาจจะมีคำถามว่า ถ้านิพพานไม่ได้อาศัยมรรคจิตเกิด นิพพานรู้ได้ด้วยจิด ถ้าไม่มีจิต ก็รู้นิพพานไม่ได้ สรุปว่านิพพานต้องอาศัยจิตจึงเกิดขึ้นรู้ได้หรือ และนิพพานก็ไม่เที่ยงหรือเพราะดับไปเมื่อมรรคจิต ผลจิตดับไป เราจะทำความเข้าใจข้อนี้อย่างไรครับ
สำหรับผมเข้าใจว่า นิพพานเป็นธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง ไม่ใช่จิต เจตสิก รูป เป็นแต่เพียงจิต ผ่านญาณต่างๆ มาตามลำดับ โดยเห็นเป็นไตรลักษณ์ จิตจึงประกอบด้วยปัญญาเข้าใจสภาพธรรมถูกต้องตามความเป็นจริง และเห็นว่าสังขารธรรม (จิต เจตสิก รูป) ไม่มีสาระ ไม่มีอะไรจะจับฉวยถือเอาได้เลย เป็นแต่ธรรมที่อาศัยกันเกิดขึ้นแล้วดับเท่านั้น และในที่สุดปัญญาก็ทำหน้าที่จนถึงโคตรภูญาณ มรรคจิต ผลจิต ตามลำดับ และตอนที่นิพพานเป็นอารมณ์ของจิตในมรรคจิต ผลจิตนั้น เป็นแต่เพียงอารมณ์ของจิตให้จิตรู้ได้ว่ามีสภาพอย่างหนึ่งที่ต่างไปจากสังขารธรรม และเป็นสุขอย่างยิ่ง เพราะเข้าใจแจ่มแจ้งซึ่งสังขารธรรมทั้งปวงตามเป็นจริง และละสังโยชน์เบื้องต่ำ ๓ อย่างได้ จึงไม่ได้เกิดจากเหตุคือมรรคจิต แต่เป็นอารมณ์อย่างหนึ่งที่จิตรู้ เป็นอารมณ์ที่ไม่ใช่จิต ๘๙ เจตสิก ๕๒ รูป ๒๘ มีพุทธภาษิตที่ว่า นิพพานเป็นธรรมว่างอย่างยิ่ง (นิพพานัง ปรมัง สุญญัง) คือนิพพานเป็นธรรมที่เห็นว่าสังขารทั้งปวง คือจิต เจตสิก รูป ว่างจากแก่นสารสาระ ไม่มีแก่นสารสาระในตัวของมันเองเพราะอาศัยกันเกิดดับ ไม่เที่ยง แต่นิพพานเที่ยง เพราะเห็นว่าสังขารทั้งปวงย่อมเป็นอย่างนั้นแน่นอน ไม่เปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น เพราะจิตรู้จริงแล้วตอนมรรคจิตและผลจิตเกิด อย่างนี้ชื่อว่าถูกต้องไหมครับ
ด้วยความเคารพยิ่ง
หมาย
พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ปราศจากสังขาร วิสังขารธรรม
พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง อสังขตธรรม
พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ไม่เกิดขึ้น อนุปฺปาโท
พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ไม่มีความเกิด อชาตํ
พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ไม่แก่ อชรํ
พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ไม่ตาย อมตํ
พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ไม่มีนิมิตเครื่องหมาย อนิมิตตํ
พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่พ้นจากขันธ์ ขันธวิมุติ
พระนิพพานเป็นสภาพธรรมที่ไม่รู้อารมณ์ อนารัมมณ
พระนิพพานเป็นอารมณ์ของโลกุตตรจิต เมื่อโลกุตตรจิตเกิดขึ้นมีพระนิพพานเป็นอารมณ์ แต่นิพพานไม่เกิด ไม่ต้องอาศัยจิต
แต่จิต เจตสิก (โลกุตระ) อาศัยพระนิพพานเกิดขึ้น
ในวิสุทธิมรรค กล่าวว่า
"เพราะพระนิพพานเป็นคำสุขุมนัก เป็นธรรมที่ต้องเห็นด้วยอริยจักษุ เป็นธรรมอันบุคคลผู้เพียบพร้อมด้วยมรรค (เท่านั้น) จะพึงถึงได้"
นิพพานจึงมิใช่เรื่องของการเข้าใจ แต่อยู่ที่การเข้าถึง
พระอนุรุทธาจารย์ ผู้รจนาคัมภีร์ อภิธรรมมัตถสังคหะ
ได้พรรณนาคุณของนิพพานว่า
ปทมจฺจุตฺ มจฺจนฺตํ อสงฺขตมนุตฺตรํ นิพฺพานมีติ ภาสนฺติ วานมุตฺตามเหสโย
"พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ ผู้พ้นแล้วจากตัณหาเครื่องร้อยรัด ทรงตรัสถึงสภาวธรรมชาติหนึ่งที่เข้าถึงได้
เป็นธรรมชาติที่ไม่จุติ พ้นจากขันธ์ ๕ ไม่ถูกปรุงแต่งด้วยปัจจัยใดๆ เลย หาสภาวะอื่นเปรียบเทียบไม่ได้ ว่าสภาวธรรมนั้นคือพระนิพพาน"
อ่านข้อความที่ทุกท่านกรุณาช่วยกันอนุเคราะห์ post ได้แต่อุทาน กรุณามาก อ่านแล้วใจมันสว่าง
ขอบพระคุณ อยากจะพูดแสดงความรู้สึกมากกว่านี้ แต่ชาตินี้มีปัญญาอยู่แค่นี้เองค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
เรื่อง ที่ที่ไม่เคยไปแม้ในความฝัน
[เล่มที่ 66] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย มหานิทเทส เล่ม ๕ ภาค ๒ - หน้าที่ 645
นิพพานเป็นที่สิ้นตัณหา สำรอกกิเลส ดังนี้ เพราะฉะนั้น นิพพานจึงเรียกว่าทิศ. นิพพานท่านเรียกชื่อว่าทิศไม่เคยไป เพราะพาลปุถุชนไรๆ แม้แต่ฝันถึงก็ไม่เคย.