กำลังใจ...รู้ได้เมื่อประสบภัยและความเสื่อม
ขอกราบบูชาคุณพระรัตนตรัย
คนที่ไม่มีกำลังใจที่เข้มแข็งมั่นคง ย่อมโศกเศร้าเสียใจ แต่คนที่มีกำลังใจมั่นคงเข้มแข็งนั้น เมื่อประสบภัยอันตราย คือ ความเสื่อมลาภ เสื่อมโภคทรัพย์ หรือเสื่อม เพราะมีโรคภัยเบียดเบียน ก็พิจารณาความจริงของโลกธรรมได้ ไม่หวั่นไหว ด้วยเหตุนี้พระผู้มีพระภาคจึงตรัสว่า กำลังใจนั้น รู้ได้เมื่อประสบภัยอันตราย หรือความเสื่อมประการต่างๆ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์นั้น
พระผู้มีพระภาคตรัสกับพระเจ้าปเสนทิโกศล ว่า "ดูก่อนมหาบพิตร กำลังใจพึงรู้ได้ในคราวมีอันตราย ก็กำลังใจนั้นจะพึงรู้ได้ด้วยกาลนาน ไม่ใช่ด้วยกาลเล็กน้อย ผู้ใส่ใจจึงจะรู้ได้ ผู้ไม่ใส่ใจก็ไม่รู้ ผู้มีปัญญาจึงจะรู้ได้ ผู้มีปัญญาทรามก็ไม่รู้"
ในอรรถกถา แก้ไว้ว่า "บทว่า ถาโม ได้แก่ กำลังแห่งญาณ จริงอยู่กำลังแห่งญาณของผู้ใดไม่มี เมื่อเกิดอุปัทวันตรายขึ้น ผู้นั้น ก็มองไม่เห็นการถือสิ่งที่ควรถือมองไม่เห็นกิจที่ที่ควรทำ ย่อมประพฤติ เหมือนดังเข้าไปยังเรือนที่มืดตื้อ ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ถวายพระพร บุคคลพึงรู้กำลัง (ญาณ) ได้ ก็ในคราวที่มีอันตราย.
(คัดจาก...พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค ชฏิลสูตร -พร้อมทั้งอรรถถา เล่มที่ ๒๔ หน้า ๔๕๔)
กำลังใจ ต้องเป็นกำลังของปัญญา ถ้าไม่ได้ศึกษา ไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้อบรมเจริญปัญญา ก็ไม่รู้ว่าจะมีปัญญามาจากที่ไหน ที่จะทำให้จิตใจเข้มแข็งได้ โดยปกติของผู้ที่ไม่ได้ศึกษาพระธรรม หรือแม้จะได้ฟังได้ศึกษาพระธรรมมาบ้าง แต่ความเข้าใจยังน้อย ยังไม่มีความมั่นคง ก็ย่อมจะมีความหวั่นไหว เศร้าใจ เมื่อได้รับสิ่งที่ไม่น่าปรารถนา ไม่น่าพอใจ ประการต่างๆ ในชีวิตประจำวัน แต่ผู้ที่มีกำลังแห่งปัญญา ย่อมรู้ย่อมเข้าใจสภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามความเป็นจริงว่า เป็นเพียงสภาพธรรมที่เกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุตามปัจจัยเท่านั้น เพราะรู้ตามความเป็นจริง จึงไม่หวั่นไหวเมื่อประสบกับโลกธรรมฝ่ายที่ไม่ดี พร้อมทั้งเป็นผู้ที่รู้ว่า อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำอีกด้วย (หรือแม้กระทั่งได้รับโลกธรรมฝ่ายที่ดี ผู้ที่มีกำลังแห่งปัญญา ก็ไม่หลงระเริง ไม่มัวเมา) ดังนั้น จึงควรที่จะเป็นผู้ศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญาต่อไป เพื่อเป็นผู้มีกำลังใจ (กำลังแห่งปัญญา) ที่ดียิ่งขึ้น เพราะเหตุว่า ที่พึ่งอย่างอื่นไม่มี นอกจากปัญญา
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ และทรงแสดง "โลกธรรม ๘" เป็นความจริงที่ไม่เคยแปรผัน ไม่ว่าจะเป็นยุดใดสมัยใดที่พิสูจน์ได้ ด้วยตนเอง
ขออนุโมทนาค่ะ
เห็นด้วยกับความคิดเห็นที่ 2 และ 3 โดยพิจารณาได้จากความไม่หวั่นไหวต่อภยันตรายและความเสื่อม (รูป) ของผู้ที่มีปัญญาในระดับพระอริยเจ้าขั้นต่างๆ ตามที่ทรงแสดงไว้
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
ขออนุโมทนาคุณ Noparat
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
ศรัทธา ศีล สุตะ จาคะ ปัญญา หิริ โอตัปปะ เป็นกำลัง เป็นปัญญา ทำให้ไม่หวั่นไหว เมื่อถึงคราวประสบอันตรายค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
โดยมากอยากได้กำลังใจ คำปลอบใจ ความสมหวัง การได้รูป รส กลิ่น เสียงที่ต้องการ แต่สิ่งเหล่านั้น ก็ไม่เที่ยง แปรปรวนไปก็ทำให้ผิดหวังอีก เปรียบเหมือนคนป่วย แต่ไม่รู้จักยาก็ทานยาพิษ สำคัญว่าเป็นยารักษา ดังนั้นการให้กำลังใจแต่ละคนที่ดีที่สุด คือให้มีปัญญาของเขาเอง เพราะปัญญาเท่านั้นที่รู้ตามความเป็นจริงและคลายทุกข์ และดับสาเหตุของทุกข์ได้แท้จริง อนุโมทนาที่ทุกท่านกำลังให้กำลังใจกัน ในขณะนี้ ด้วยให้เข้าใจพระธรรม
ขออนุโมทนาครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์