ปกตูปนิสสยปัจจัย และ ผลของกรรม

 
พุทธรักษา
วันที่  2 ต.ค. 2551
หมายเลข  10044
อ่าน  2,369

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น


ข้อความบางตอนจากการถอดเทป การบรรยายธรรม โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ณ ตึกสภาการศึกษา มหามกุฏราชวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๒๕ โดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล


หลังจากปฏิสนธิจิตแล้ว ไม่ว่าแต่ละขณะในชีวิตจะมีการเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การลิ้มรส การรู้สิ่งที่กระทบสัมผัสทางกายซึ่งในวันหนึ่งๆ ก็ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาเลย เช่น การเห็น เป็นผลของกรรมในอดีตที่ได้กระทำมาแล้ว ซึ่งกรรมนั้นเป็นอุปนิสสยปัจจัย คือปกตูปนิสสยปัจจัยที่มีกำลังจึงสามารถทำให้ จักขุวิญญาณและ วิถีจิตเกิดขึ้นเห็นสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาที่กำลังเกิดขึ้น ในขณะนั้นๆ เป็นต้น

ในขณะที่ได้ยินเสียง ได้กลิ่น ลิ้มรส กระทบสัมผัส ก็เช่นกันทั้งหมดนี้ เป็นเพราะ ปกตูปนิสสยปัจจัย คือกรรมหนึ่งกรรมใดที่มีกำลัง เป็นปกตูปนิสสยปัจจัยทำให้วิบากจิตนั้นๆ เกิดขึ้นรู้อารมณ์ที่กำลังปรากฏในขณะนั้นๆ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ

อารมณ์มี ๖ รู้ได้ทางทวารทั้ง ๖ คือ

๑. รูปารมณ์ รู้ได้ทางจักขุทวาร

๒. สัททารมณ์ รู้ได้ทางโสตทวาร

๓. คันธารมณ์ รู้ได้ทางฆานทวาร

๔. รสารมณ์ รู้ได้ทางชิวหาทวาร

๕. โผฏฐัพพารมณ์ รู้ได้ทางกายทวาร

๖. ธัมมารมณ์ รู้ได้ทางมโนทวาร

อารมณ์ที่ ๖ ธัมมารมณ์ เป็นอารมณ์ที่รู้ได้เฉพาะทางใจทางเดียวเท่านั้น มี ๖ อย่าง คือ ปสาทรูป ๕ สุขุมรูป ๑๖ จิต เจตสิก นิพพาน บัญญัติ (จากปรมัตถธรรมสังเขป "บัญญติ")

เพราะฉะนั้น ปกตูปนิสสยปัจจัยมีการจำแนกออกเป็นประเภทต่างๆ ตัวอย่าง เช่น กุศล เป็นปกตูปนิสสยปัจจัยให้เกิดกุศลจิตและเจตสิก (ซึ่งเกิดร่วมกับกุศลจิตนั้นๆ ) ได้ อกุศล ซึ่งกำลังเกิดขึ้นเป็นไปในขณะนี้ เป็นปกตูปนิสสยปัจจัย ให้เกิดอกุศล ในภายหน้าได้

อัพยากตธรรม เป็นปกตูปนิสสยปัจจัยให้เกิด อัพยากตธรรมได้ (อัพยากตธรรม คือปรมัตถธรรมใดๆ ทั้งหมดที่ไม่ใช่กุศลธรรมและอกุศลธรรม)

นี่ก็แสดงถึง สภาพธรรมที่มีกำลังเป็นปกติที่จะทำให้สภาพธรรมคือ จิต และ เจตสิก ในปัจจุบันเกิดขึ้นได้ซึ่งจะขอกล่าวถึงตามลำดับพอสมควรที่จะให้เข้าใจลักษณะของปกตูปนิสสยปัจจัยได้.เช่น ข้อที่ว่า กุศลธรรม เป็นปกตูปนิสสยปัจจัยให้เกิด กุศลธรรม เช่น การที่ท่านผู้ฟังมีสัทธาในการฟังพระธรรมเกิดขึ้น เพราะเหตุที่ท่านสะสมมาเป็นผู้ที่มีอุปนิสสัยในการฟัง

หรือ สัทธา ในการที่จะให้ทาน ก็ไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล แต่เป็น จิต ที่เกิดขึ้นมีสัทธาเป็นไปในทาน ประเภทใดๆ สติสามารถที่จะระลึกรู้ว่า ในขณะนั้นเป็น สภาพธรรมซึ่งเกิดขึ้นเพราะ กุศลกรรมที่เคยให้ทาน มาแล้วในอดีตและยังเป็นปกตูปนิสสยปัจจัยให้ทานกุศลในขณะนี้ เกิดขึ้นและจะเพิ่มพูน ยิ่งขึ้นอีกด้วย


ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลแด่คุณพ่อ คุณแม่

และสรรพสัตว์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 2 ต.ค. 2551

สัทธา ในการที่จะให้ทาน ก็ไม่ใช่สัตว์ ตัวตน บุคคล แต่เป็น จิตที่เกิดขึ้นมีสัทธาเป็นไปในทาน ประเภทใดๆ สติสามารถที่จะระลึกรู้ว่า ในขณะนั้นเป็นสภาพธรรม ซึ่งเกิดขึ้นเพราะ กุศลกรรมที่เคยให้ทานมาแล้วในอดีตและยังเป็นปกตูปนิสสยปัจจัยให้ทานกุศลในขณะนี้ เกิดขึ้นและจะเพิ่มพูน ยิ่งขึ้นอีกด้วย

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
suwit02
วันที่ 2 ต.ค. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 3 ต.ค. 2551

อนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
vjai
วันที่ 3 ต.ค. 2551

ขออนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
Komsan
วันที่ 4 ต.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
SIRICHAI
วันที่ 5 ต.ค. 2551

ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกท่าน ที่ได้ให้ความรู้กับผม ณโอกาสนี้ด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
happyindy
วันที่ 5 ต.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
michii
วันที่ 7 ต.ค. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
สุภาพร
วันที่ 8 เม.ย. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ภัสร์
วันที่ 19 ต.ค. 2553
สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Nimbus
วันที่ 23 พ.ย. 2559

สาธุๆ ๆ คะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ