ได้ยินแล้วคิด_7

 
Khaeota
วันที่  2 ต.ค. 2551
หมายเลข  10045
อ่าน  1,206

ได้ยิน ท่าน อ.สุจินต์ แสดงอยู่บ่อยๆ

"สิ่งที่กำลังปรากฏ"

ได้ยินแล้วคิด

อย่างไร...


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
เมตตา
วันที่ 2 ต.ค. 2551

ในทุกๆ ขณะของชีวิตที่เป็นไปก็เป็นเพียงนามธรรมและรูปธรรมที่ปรากฎ ทางทวารทั้ง ๖ คือ ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ แต่สิ่งที่กำลังปรากฎในขณะนี้ก็มีเพียง ๗ รูปเท่านั้น ได้แก่

ทางตา สิ่งที่กำลังปรากฎ ได้แก่ สีต่างๆ

ทางหู สิ่งที่กำลังปรากฎ ได้แก่ เสียง

ทางจมูก สิ่งที่กำลังปรากฎ ได้แก่ กลิ่น

ทางลิ้น สิ่งที่กำลังปรากฎ ได้แก่ รส

ทางกาย สิ่งที่กำลังปรากฎได้แก่ เย็นหรือร้อน อ่อนหรือแข็ง ตึงหรือไหว

สิ่งที่กำลังปรากฎในชีวิตปัจจุบันไม่พ้นไปจาก ๗ รูปนี้เท่านั้น

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
pornchai.s
วันที่ 2 ต.ค. 2551

สิ่งที่กำลังปรากฏขณะนี้ เป็นสิ่งที่มีจริง มีลักษณะที่ปรากฏให้จิตรับรู้ได้ เช่น เย็น ร้อน อ่อน แข็ง ก็ปรากฏกับจิตที่รู้เย็น ร้อน อ่อน แข็งทางกาย จึงเป็นเพียงนามธรรมที่รู้ เป็นเพียงจิตที่รู้ เป็นเพียงธาตุรู้เท่านั้น ไม่ใช่ตัวเรา ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนที่รู้อารมณ์ทางกาย ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางใจ ก็โดยนัยเดียวกัน ครับ โลกในวินัยของพระอริยเจ้า จึงมี ๖ โลก คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 2 ต.ค. 2551

หากปราศจาก นามธรรม (สภาพรู้ ธาตุรู้) สิ่งต่างๆ ทั้งหลาย ย่อมไม่ปรากฏ (โลก ไม่ปรากฏ)

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 3 ต.ค. 2551

สิ่งที่กำลังปรากฏ จะปรากฏได้ต้องมีจิตและสิ่งนั้นเป็นอารมณ์ของจิต..เพราะจิตเป็นสภาพรู้ อะไรจะปรากฏ นามธรรมหรือรูปธรรม สุขุมรูป ปรมัตธรรมหรือบัญญัติ ขึ้นกับจิตขณะนั้นและจะปรากฏตามความป็นจริงเมื่อเป็นสติปัฏฐานสิ่งที่ปรากฎแก่ปุถุชนหรือพระอริยบุคคลบางอย่างสิ่งเดียวกันแต่ปรากฏต่างกัน

สิ่งที่กำลังปรากฎ
ที่เป็นรูปที่ปุถชนทั่วไปสามารถพิจารณาได้ ได้แก่ โคจรรูป 7 ความคิดเห็นดังกล่าวคลาดเคลื่อนอย่างไร โปรดชี้แนะด้วย

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
orawan.c
วันที่ 3 ต.ค. 2551

ขณะนอนหลับสนิทและไม่ฝันไม่มีสิ่งที่ปรากฎกับภวังคจิต ศพหรือคนตายก็ไม่มีสิ่งที่ กำลังปรากฎ ตามความเข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฎสามารถปรากฎกับวิถีจิตเท่านั้น

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
wannee.s
วันที่ 3 ต.ค. 2551

ขณะสติเกิดเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา แต่ถ้าที่หลงลืมสติก็คิดเป็นเรื่องราว เป็นคน นี้ เป็นคนนั้น ก็เลยสิ่งที่ปราฏทางตาแล้วค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
suwit02
วันที่ 4 ต.ค. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Komsan
วันที่ 5 ต.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
SIRICHAI
วันที่ 5 ต.ค. 2551

เมื่อสติปัฏฐานเกิด สังเกตสภาพสิ่งที่ปรากฏทางตา จะเข้าใจได้ทันที่ว่าเป็นเพียงสิ่งที่ ปรากฏทางตาเท่านั้น แต่ถ้าเป็นเรื่องราวต่างๆ เป็นคนชื่อนี้เป็นคนชื่อนั้น สติก็สามารถ สังเกตสภาพที่นึกคิดว่าเป็นคนชื่อนี้เป็นเป็นคนชื่อนั้นได้ ขอเพียงมีปกติเจริญสติปัฏฐาน โดยที่ไม่มีการเจาะจง ถูกต้องหรือเปล่าครับ ขออาจารย์ทั้งหลายชี้แนะผมด้วย ครับ

ขออนุโมทนาท่านทั้งหลายที่ให้ความรู้ สติเพิ่งจะเริ่มเกิดครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
เมตตา
วันที่ 5 ต.ค. 2551

ขอเพิ่มเติมความคิดเห็นที่ ๑ ค่ะทางใจ ก็มีธรรมะที่กำลังปรากฎ เช่นกัน แต่ปรากฎกับปัญญาของท่านผู้ใด ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ดังนั้นเมื่อกล่าวโดยรวมกว้างๆ ธรรมะที่กำลังปรากฎ ควรรวมทางใจคือ รูปอื่นนอกจาก ๗ รูป และนามธรรมทั้งหลายคือ จิต เจตสิก ด้วยปัญญาเท่านั้นที่จะรู้ความจริงเดี๋ยวนี้ที่กำลังปรากฎค่ะ ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนาท่านอาจารย์ prachern.s ที่กรุณาอธิบายเพิ่มเติมให้ค่ะ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
Khaeota
วันที่ 6 ต.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

"สิ่งที่กำลังปรากฏ" เมื่อครั้งที่เริ่มศึกษาธรรมฟังธรรมที่ท่าน อ สุจินต์แสดงใหม่ๆ ไม่เข้าใจเลยกับคำว่าสิ่งที่กำลังปรากฏ วันๆ หากคิดถึงคำนี้ขึ้นมา ก็จะคอยหาว่าธรรมอะไรที่กำลังปรากฏ จึงเป็นที่มาของ ได้ยินแล้วคิด_8

ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
khampan.a
วันที่ 6 ต.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นสิ่งที่มีจริง เป็นปรมัตถธรรม ในชีวิตประจำวันทุกขณะเป็นธรรม ไม่ปราศจากธรรมเลยแม้แต่ขณะเดียว กล่าวได้ว่าตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับไป (เป็นอย่างนี้จริงๆ ทุกภพทุกชาติ) อยู่กับธรรมตลอดเวลา ดังนั้น จึงไม่ต้องไปแสวงหาธรรมที่ไหน เพราะขณะนี้ ธรรมมีแล้ว ทุกขณะที่กำลังปรากฏตามปกติตามความเป็นจริง เป็นสภาพธรรม กล่าวคือ ขณะนี้ เดี๋ยวนี้ สภาพธรรมกำลังปรากฏ ถ้าสติเกิดขึ้นระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ จึงจะรู้ว่า ไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน หาความเป็นเราในสภาพธรรมไม่ได้เลย แต่ที่สำคัญ คือ สติ (สภาพธรรมที่ระลึก) จะต้องเกิดขึ้น ระลึก ศึกษา รู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้น ดังนั้น สภาพธรรมที่เกิดขึ้นปรากฏตามปกติในชีวิตประจำวัน (ซึ่งแต่ก่อนไม่รู้เลยว่าเป็นธรรม) จึงเป็นที่ตั้ง คือเป็นอารมณ์ให้สติเกิดขึ้นระลึกรู้ ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
happyindy
วันที่ 6 ต.ค. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

"สิ่งที่กำลังปรากฎ" เมื่อก่อนนี้ถ้าได้ยินคำว่า "ปรากฎ" จะนึกถึงแต่เรื่องการเห็น ต่อมาๆ ฟังมาฟังไปจึงได้รู้ว่ามากกว่านั้น สิ่งที่ปรากฎ มีทั้ง สีสันวรรณะ เย็นร้อน อ่อนแข็ง ตึงไหว สิ่งที่กระทบสัมผัส เลือกไม่ได้ว่าสติจะระลึกรู้ในสิ่งที่กำลังปรากฎขณะใดทางทวารไหน แล้วแต่สติจะระลึกรู้ ปฏิบัติกิจ ทำหน้าที่ของเขาไป ไม่จดจ้องแต่จะเห็น หรือจดจ้องแต่จะรู้สึกแบบเมื่อก่อนโน้นนนนน แล้วค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
happyindy
วันที่ 7 ต.ค. 2551

ฟัง

คิด

ถาม

เขียน

(อ่านซ้ำได้ด้วยระบบ autoreverse วนจากบนลงล่าง จากล่างขึ้นบน)

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 10 ต.ค. 2551

จากความคิดเห็นที่ ความคิดเห็นที่ 4 บัญญัติไม่มีลักษณะที่ปรากฏให้พิจารณาได้

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ