สมาทาน หรือเปล่าค่ะ?

 
เมตตา
วันที่  8 ต.ค. 2551
หมายเลข  10080
อ่าน  1,448

คำว่า "ให้สมาทาน" คือ ให้ถือเอา ให้เข้าใจ ให้พิจารณาให้ถูกต้อง นี้คือ การแสดงธรรมของพระผู้มีพระภาค เพื่อประโยชน์จะให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง คือเมื่อฟังแล้วก็ให้สมาทาน ให้เข้าใจ ให้พิจารณาให้ถูกต้องว่า กุศลธรรม เป็นกุศลธรรม อกุศลธรรมเป็นอกุศลธรรม ฟังท่านอาจารย์สุจินต์ บรรยายว่า ขณะนี้รู้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน การที่จะละคลายสภาพธรรมว่าเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นตัวตน ต้องเป็นปัญญาเท่านั้น อบรมเจริญปัญญา จนกว่าจะรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ปรากฎ ตามปกติในชีวิต ประจำวัน อาจหาญ ร่าเริง ที่จะรู้ความจริง ท่านทั้งหลาย เมื่อฟังแล้ว สมาทานหรือเปล่าคะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
Noparat
วันที่ 8 ต.ค. 2551

ต้องตั้งใจศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม เพื่อความเข้าใจจริงๆ ว่า ทุกอย่างเป็นธรรม มีความมั่นคงในหนทางที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดง ถือเอาด้วยดี (สมาทาน) ว่าไม่มีหนทางอื่น นอกจากการอบรมเจริญปัญญาเท่านั้น ค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
orawan.c
วันที่ 8 ต.ค. 2551

สังขารขันธ์ฝ่ายกุศลที่มีปัญญาเกิดร่วมด้วยกำลังค่อยๆ สะสมทีละเล็กทีละน้อย

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 8 ต.ค. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Komsan
วันที่ 8 ต.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 8 ต.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

[เล่มที่ 44] พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อุทาน เล่ม ๑ ภาค ๓ - หน้าที่ ๔๒๑
อรรถกถาโคปาลสูตร

บทว่า สมาทเปสิ (สมาทาน) ความว่าให้เธอยึดเอาธรรมมีศีลเป็นต้นโดยชอบ คือให้เธอตั้งอยู่ในธรรมมีศีล เป็นต้นนั้น โดยนัยมีอาทิว่าเพื่อบรรลุสัจจะ เธอให้ธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นในตน.ถือเอาในคุณธรรมประการต่างๆ มีศีล เป็นต้น อันเกิดจากปัญญาที่เห็นประโยชน์จึงถือเอา ไม่มีตัวตนที่ถือเอา ที่สมาทาน แต่เพราะปัญญาเกิด สังขารขันธ์ ปรุงแต่งให้ถือเอา สมาทานในคุณธรรมอันเป็นไปเพื่อดับกิเลส ตั้งแต่ศีล และที่สำคัญ เมื่อเข้าใจเรื่องสภาพธรรมขั้นการฟัง ก็ถือเอาสมาทานในหนทางที่ถูก จากขั้นการฟัง จนเป็นปัจจัยให้สมาทาน ตั้งอยู่ในความเข้าใจถูก จนเป็นปัจจัยให้สติปัฏฐานเกิด ย่อมอาจหาญ ร่าเริง และสมาทาน ถือเอาเพราะเข้าใจพระธรรม

ขออนุโมทนาครับ

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เซจาน้อย
วันที่ 8 ต.ค. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 9 ต.ค. 2551

ให้สมาทาน เป็นคำที่คุ้นเคย ชิน จึงมองข้าม..จากความคิดเห็นที่ ๕ โดย paderm

สมาทเปสิ (สมาทาน) หมายถึง การถือเอาธรรมะโดยชอบ ตั้งอยู่ในธรรมเพื่อบรรลุสัจจะ เกิดขึ้นในตนจากข้อความดังกล่าว การสมาทานไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

ที่ถามว่า ท่านทั้งหลายเมื่อฟังแล้ว สมาทานหรือเปล่าคะ
ตอนนี้ถือเอาธรรมะโดยชอบ ด้วยการฟังพระธรรมที่ตรงกับพระไตรปิฎกแล้ว
แต่ตั้งบ้างไม่ตั้งบางในธรรมค่ะ เพื่อบรรลุสัจจะเกิดขึ้นในตน (แน่นอนค่ะ ไม่เพื่ออย่างอื่นเพราะกลัวเนิ่นช้าแต่รู้สึกว่าเกิดขึ้นในตนคงยาก)

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
wannee.s
วันที่ 9 ต.ค. 2551

ขณะที่ฟังธรรมเข้าใจ ปัญญาเกิด ทำให้เห็นประโยชน์ของกุศลจึงสมาทานถือเอา กุศลขั้นทาน ขั้นศีล ขั้นภาวนา ด้วยการอบรมเจริญสติปัฏฐานค่อยๆ เจริญขึ้นค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
khampan.a
วันที่ 9 ต.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษานั้น เพื่อให้พุทธบริษัท มีความเข้าใจถูก เห็นถูก เป็นปัญญาของตนเอง บุคคลผู้ที่ได้ฟังได้พิจารณาบ่อยๆ จนกระทั่งมีความเข้าใจที่ถูกต้อง ย่อมจะเห็นประโยชน์ของพระธรรม แล้วน้อมนำที่จะประพฤติปฏิบัติตาม ซึ่งจะเป็นเหตุให้มีความมั่นคงที่จะถือเอาแต่สิ่งที่ประโยชน์ ดังนั้น จึงไม่ควรขาดการฟัง การศึกษาพระธรรม เพราะเหตุว่า การฟังพระธรรม ศึกษาพระธรรมย่อมเป็นไปเพื่อการละคลายกุศล (ซึ่งมีมากเหลือเกินในชีวิตประจำวัน) แล้วเจริญกุศลยิ่งขึ้น ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ