พยัญชนะตื้น อรรถลึกซึ้ง
พยัญชนะคือตัวอักษร ก ข ค ง ใครๆ ก็อ่านได้ แต่เนื้อความคำอธิบาย และสภาวะของ ธรรมะประเภทนั้นๆ ต้องอาศัยปัญญาจึงจะเข้าถึงได้ ดังนั้น อรรถ จึงมี ๒ ประเภท คือพยัญชนะอรรถ ๑ สภาวอรรถ ๑ สำหรับพยัญชนะอรรถ ผู้ที่เรียนมาก็สามารถอธิบายได้ว่า พยัญชนะนี้หมายถึงอะไร แต่ตัวธัมมะจริงๆ ต้องอาศัยปัญญาจึงจะรู้ได้ โดยเฉพาะโลกุตตระปัญญา เป็นปัญญาที่แทงตลอดในสภาวของธัมมะได้อย่างลึกซึ้ง เพราะฉะนั้น แม้ศัพท์คำว่า ธัมมะ พยัญชนะ ใครก็อ่านได้ แต่ขณะนี้ธัมมะใดกำลังปรากฏ เป็นธัมมะ อย่างไร ไม่ใช่ตัวตนอย่างไร ต้องอาศัยความเข้าใจจึงจะค่อยๆ เข้าถึงธัมมะได้
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้ และทรงแสดงเป็นสิ่งที่มีจริง เป็นจริงทุกประการการที่จะให้ผู้ฟัง (สาวก) ได้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงนั้น พระองค์จึงทรงใช้พยัญชนะที่หลากหลาย มากมายในการแสดง เพื่อให้เข้าถึงอรรถลักษณะที่แท้จริงของสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ ตามความเป็นจริง แต่ไม่ใช่ให้ไปติดที่คำหรือที่ชื่อ พยัญชนะที่พระองค์ทรงใช้นั้น เป็นคำปกติธรรมดาที่คนในสมัยนั้นใช้พูดกัน (ภาษาของชาวมคธ) ซึ่งเมื่อแปลเป็นภาษาไทยแล้วก็ยังส่องให้ถึงอรรถที่แท้จริงของภาพธรรมนั้นๆ ได้ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะสภาพธรรมเป็นสิ่งที่มีจริงไม่เปลี่ยนแปลงลักษณะเป็นจริงอย่างไร ก็เป็นจริงอย่างนั้น เช่น จักขุวิญญาณ (จิตเห็น) เป็นคำธรรมดาดูเหมือนไม่ยาก ตื้น ใครๆ ก็เห็นกันทั้งนั้น แต่เข้าถึงอรรถลักษณะที่แท้จริงของเห็นซึ่งเป็นจิตประเภทหนึ่ง ว่าเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สัตว์บุคคล ตัวตน หรือยัง?
ดังนั้น ธรรม ควรค่าแก่การศึกษาเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นชีวิตปกติประจำวันอยู่กับธรรมตลอดเวลาตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งหลับไป มีธรรมอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่รู้ว่าเป็นธรรมและจะต้องอาศัยกาลเวลาอันยาวนานในการสั่งสมอบรมเจริญ ความเข้าใจถูกความเห็นถูก เป็นจิรกาลภาวนา ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ
ขออนุโมทนาที่ให้ความกระจ่างชัด ในหมู่พวกเราที่เป็นผู้ฟังขั้นเข้าใจพยัญชนะที่ส่อง ถึงลักษณะตัวจริงของสภาวธรรมยังเป็นเรื่องที่ยาก เพราะฉะนั้นในการจะรู้ตรงตัวจริง (อรรถ) ของสภาวธรรมย่อมยากกว่าจนประมาณไม่ได้ จึงขาดการฟังให้เข้าใจบ่อยๆ เนืองๆ ไม่ได้จริงๆ
ขออนุโมทนาอีกครั้งค่ะ
ขออนุโมทนาคุณ prachern.s และคุณ khampan.a ที่ทำให้เข้าใจมากขึ้นจริงๆ ครับ ลึกโดยสภาะธรรมจริงที่มีในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา รู้ด้วยปัญญา อนุโมทนาครับ
ที่พยัญชนะตื้นได้ ก็ด้วยอาศัยพระปัญญาคุณและพระกรุณาคุณของพระผู้มีพระภาค อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้ทรงแสดงไว้เพื่ออนุเคราะห์สาวกทั้งหลาย
หากไม่มีพยัญชนะที่ส่องถึงอรรถะให้ศึกษาตามแล้ว ไม่มีทางที่ใคร (เว้นพระปัจเจกพุทธเจ้า และพระสัมมาสัมพุทธเจ้า) จะเข้าถึงอรรถะอันลุ่มลึกได้เลยครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
บางคนอ่านพระไตรปิฏกเข้าใจเพียงพยัญชนะ (คือไปติดที่ชื่อและเรื่องราว) แต่ไม่เข้า ถึงอรรถ (คือตัวจริงของสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ บุคคล)
จาก..[เล่มที่ 36] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต เล่ม ๓ - หน้าที่ 195
อรรถลึกซึ้ง เป็นโลกุตระ ประกอบด้วยสุญญตาธรรม
[เล่มที่ 23]
[เล่มที่ 23] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๒[เล่มที่ 23] - หน้าที่ 2
พระธรรมลึกซึ้ง จนถึงระดับโลกุตตระปัญญาที่ประกอบด้วย (สุญญตาธรรม) ความว่างตามความเป็นจริงไม่เคลื่อนคลาด บริสุทธิ์ ถ้าความเข้าใจคลาดเคลื่อน ..โปรดให้ชี้แนะด้วย
พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมเรื่องของ : ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจภาษาบาลี...คนไทยก็ค่อนข้างคุ้นหู : จักขุ โสต ฆานะ ชิวหา กายา มโนอ่านออก รู้ความหมาย เหมือนง่ายๆ ใครๆ ก็มี จะช่วยในการดำรงชีวิตอย่างไร?รู้แต่คำ...หลงจำผิดว่ามีจริง...แต่ไม่เห็นโดยละเอียดเลยว่า...สิ่งที่ยึดถือไว้เหนียวแน่นนั้น...ไม่เที่ยง มีแต่ทุกข์ และ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนกว่าจะถ่ายถอนออกได้...ต้องอาศัยพระธรรมอันลึกซึ้งที่ทรงแสดงไว้อีกมากคนที่ไม่ศึกษา พออ่านออก อ่านได้ ก็หลงคิดว่า...เป็นเรื่องง่ายที่ตนหรือใครๆ ก็เข้าใจแต่ผู้ที่มีปัญญามากจริงๆ แม้พยัญชนะเดียวก็ไม่ประมาทเพียงได้ฟังประโยคสั้นๆ ก็สามารถที่จะหยั่งถึงอรรถอันลึกซึ้งนั้นแทงตลอดอริยสัจจธรรม บรรลุถึงความเป็นพระอริยบุคคลได้
...ขออนุโมทนาครับ...