แด่ผู้ท้อแท้ และ ท้อถอย - ปัญญาโตช้า

 
orawan.c
วันที่  22 ต.ค. 2551
หมายเลข  10185
อ่าน  3,959

คำถามในห้องสนทนาธรรมที่มูลนิธิฯในวันเสาร์และอาทิตย์ เรื่องการเข้าใจธรรมะเป็นเรื่องยากมากๆ ปัญญาโตช้า อกุศลเกิดเยอะ สติปัฏฐานไม่เกิดซักที ฯลฯ ซึ่งทำให้ผู้ศึกษาท้อแท้และท้อถอย เมื่อเข้าใจขั้นฟังก็คงไม่ลืมว่าท้อแท้ก็เป็นธรรมะ เกิดดับตามเหตุปัจจัย ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร แต่เมื่อท้อแท้เกิดลองคิดถึงความสะดวกสบายในการศึกษาพระธรรมในปัจจุบัน อุปมาเหมือนการทานอาหารเสมือนมีผู้ป้อนอาหารเข้าปากให้เคี้ยวและกลืนเอง เบื้องหลังกว่าจะได้อาหารมา ต้องผ่านความวิริยะอุตสาหะ อดทน ศรัทธาและบารมี ๑๐ อื่นๆ ของกัลยาณมิตรมากมาย เพื่อความสะดวกสบายของผู้ศึกษา

ตัวอย่างเช่น ท่านอาจารย์สุจินต์ ต้องค้นคว้าพระไตรปิฎก พร่ำสอนแล้วสอนอีก สมัยก่อนตัดต่อเทปเอง ปัจจุบันท่านอายุ ๘๒ ปีแล้วก็ยังพร่ำสอนพวกเราอยู่ ท่านอาจารย์ดวงเดือนก็เป็นกำลังสำคัญอยู่เคียงข้างท่านอาจารย์สุจินต์ ในการให้ธรรมเป็นทาน ปัจจุบันนี้สามารถฟังจากวิทยุหลายสถานี แผ่นเอ็มพี ๓ ซีดี วีซีดีหนังสือ โทรทัศน์ อินเตอร์เน็ต ซึ่งล้วนแล้วสะดวกต่อการค้นคว้าศึกษา เบื้องหลังความสะดวกเหล่านี้ ต้องมีผู้ไปตลาดจ่ายกับข้าวแล้วนำมาปรุงสำเร็จ มิใช่เพียงแค่นำมาตั้งโต๊ะแต่ป้อนเข้าปากเลยล่ะ เพราะถ้าฟังเองไม่เข้าใจก็ยังสามารถไปสนทนาไต่ถามกับท่านอาจารย์ และท่านวิทยากรได้ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และ วันสำคัญทางพระพุทธศาสนา คือ วันมาฆบูชา วันวิสาขบูชาและวันอาสาฬหบูชา คงไม่สามารถบรรยายเบื้องหลังความสะดวกสบายของผู้ศึกษาได้หมด

เพราะฉะนั้น เมื่อไหร่ที่ท้อแท้ลองคิดดูว่าการฟังพระสัทธรรมให้เข้าใจเปรียบเสมือนการเคี้ยว และกลืนอาหารด้วยตัวเองเท่านั้น (เปรียบเทียบในเชิงความสะดวกสบายในการศึกษา ไม่เกี่ยวกับการเข้าใจง่ายหรือยาก) และ รำลึกถึงพระคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและผู้อยู่เบื้องหลังของความสะดวกสบาย ก็น่าจะทำให้มีศรัทธาและฉันทะแทนความท้อแท้

ปล. คุณย่าสงวน สุจริตกุล ท่านอายุ ๙๓ ปีแล้ว ยังถอดเทปบทสนทนาที่มูลนิธิฯ ให้พวกเราได้อ่านกันด้วย ลายมือสวย อ่านง่าย

ขอกราบอนุโมทนาทุกๆ ท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
happyindy
วันที่ 22 ต.ค. 2551


ขออนุโมทนาค่ะ

เมื่อก่อนตอนเดินทางผิด อินดี้ก็คิดท้อนะคะ เพราะว่าช่างหวังไงคะ อยากได้นิพพานบ้างละ กลัวลงอบายบ้างละ เลยยิ่งคิดอยากได้เท่าไร ก็ยิ่งผิดไปไกลมากเท่านั้น โลภะมากแค่ไหน ความท้อใจก็ยิ่งมากเป็นเท่าทวีคูณ เมื่อได้เริ่มตั้งใจฟังธรรม ตั้งใจฟังตั้งใจศึกษาจริงๆ ความท้อถอยในการฟังและศึกษาพระธรรมค่อยๆ จางไปแต่ไม่ได้รีบเร่ง เพราะยิ่งฟัง ยิ่งรู้ว่ารีบไม่ได้ต้องละเอียด ไม่ควรศึกษาแบบผ่านๆ เพราะอาจเกิดความเข้าใจผิดเดี๋ยวนี้มีแต่คิดว่า เวลาที่มีควรเป็นประโยชน์ที่สุดเท่าที่เป็นได้ค่อยๆ สะสมอบรมเจริญเหตุใหม่ ทีละนิดละน้อย

แต่แน่นอน อินดี้ยังเป็นปุถุชน รัก โลภ โกรธ หลง ในชีวิตประจำวันยังคงมีและต้องเกิดขึ้นเป็นธรรมดา แต่ค่อยๆ เข้าใจมากขึ้นว่าชีวิตก็เป็นอย่างนี้เอง สะสมเหตุมาอย่างไร ย่อมได้รับผลอย่างนั้น เพราะต้องเป็นเรา จะเป็นคนอื่น โทษคนอื่น ได้อย่างไรเล่า

ป.ล. กราบขอบพระคุณทุกท่านที่เกี่ยวข้อง กุศลจิต กุศลวิริยะของทุกท่าน ทำให้มีโอกาสในการฟังการศึกษา มากมายหลากหลายวิธี ทุกที่ ทุกเวลา

ขอน้อมกราบอนุโมทนาด้วยความเคารพ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 22 ต.ค. 2551

ไม่ท้อ และ ไม่ถอย เพราะยิ่งฟังก็ยิ่งหา "ผู้ถอย" และ "ผู้ท้อ" ไม่ค่อยได้ แต่ก็นั่นแหละครับ ยังเป็นปุถุชนที่หนาไปด้วยกิเลส ประมาทเมื่อใด ทั้งผู้ท้อ และผู้ถอย ก็โผล่มาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เป็นธรรมดา ยังดีที่มีท่านกัลยาณมิตรทุกท่าน คอยปรุงอาหารสำเร็จรูปไว้ให้ได้รับประทานอยู่บ่อยๆ เนืองๆ จึงขอกราบอนุโมทนาในกุศลจิต ของทุกท่านมาด้วยความเคารพ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 22 ต.ค. 2551

อนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
wannee.s
วันที่ 22 ต.ค. 2551

เป็นบุญของพวกเราแล้วที่ได้พบธรรมะของพระพุทธเจ้า จะท้อแท้ทำไม คะ ถ้าเบื่อก็เป็นเรื่องธรรมดา ค่ะ แต่อย่าท้อแท้ในการศึกษาพระธรรม นะคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
suwit02
วันที่ 22 ต.ค. 2551

สาธุ

"การได้ความเป็นมนุษย์ เป็นของยาก ชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย เป็นอยู่ยาก การได้ฟังพระสัทธรรม เป็นของยาก การอุบัติขึ้นแห่งพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เป็นของยาก"

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
เมตตา
วันที่ 22 ต.ค. 2551

เป็นบุญที่ได้กระทำไว้ในอดีตจึงได้มีโอกาสได้มาพบพระพุทธศาสนา ได้มาเข้าใกล้กัลยาณมิตรอย่างท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ท่านผู้ซึ่งมีความศรัทธาอย่างมากในพระธรรมคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีความรู้ความเข้าใจแตกฉานในพระธรรม โดยยึดหลักอรรถาธิบายจากพระไตรปิฎกและอรรถกถาเป็นสำคัญและเคร่งครัด เป็นบุญที่ได้มาพบท่านผู้ซึ่งมีความเห็นถูก ข้าพเจ้าไม่มีทางท้อแท้ และท้อถอยเด็ดขาด ดูอย่างท่านอาจารย์ท่านไม่เคยท้อแท้ และ ท้อถอย ที่จะบรรยายพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงตรัสรู้มาแนะนำพร่ำสอนพวกเรามาอย่างอดทน และมีเมตตาต่อทุกๆ คนตลอดเวลากว่า ๕๐ ปี

กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ค่ะ

และกราบอนุโมทนาท่านอาจารย์ดวงเดือนและคุณย่าสงวนค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
paderm
วันที่ 22 ต.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ศึกษาด้วยความหวัง ความต้องการ ย่อมท้อแท้ เป็นธรรมดา รู้ว่าเป็นหน้าที่ของธรรมไม่ใช่เราจะได้ จะไปเข้าใจ ก็เบาไม่ท้อแท้ เพราะรู้ว่าเป็นหน้าที่ของธรรมที่จะปรุงแต่งให้ปัญญาเจริญ ไม่มีเราไปทำให้เข้าใจ แต่ทุกอย่างเป็นธรรมและเป็นอนัตตา ความท้อแท้เกิดขึ้นได้เพราะมีเหตุปัจจัย ไม่เช่นนั้นก็จะเดือดร้อนกับความท้อแท้ที่เกิดขึ้น ลืมว่าเป็นธรรมอีกแล้ว ฟังธรรมจนกว่าจะมั่นคงว่าเป็นธรรมทั้งนั้น แม้ความท้อแท้และสภาพธรรมอื่นๆ ด้วยก็เป็นธรรม ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา ทำอย่างไรได้เพราะเกิดแล้ว (อกุศล) แต่ก็ฟังธรรมต่อไปจนกว่าจะรู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา อีกนาน ท้อแท้อีกไหมกับคำว่าอีกนานกว่าจะรู้ แต่ถึงได้ครับ ไม่ขาดการฟังพระธรรมเท่านั้นเอง ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
paderm
วันที่ 22 ต.ค. 2551

เรื่อง การบรรลุ การเข้าใจพระธรรมไม่ได้เกิดจากการท้อแท้หรือร้องไห้

พระสุตตันตปิฎก ทีฆนิกาย มหาวรรค เล่ม ๒ ภาค ๒ - หน้าที่ ๑๙๐

ในวันมหาปวารณาปี (ที่) สามสิบ พระเถระยืนยึดแผ่นกระดานสำหรับพิง คิดว่า เมื่อเราทำสมณธรรมมาตั้งสามสิบปีเข้านี้แล้ว เราก็ไม่สามารถสำเร็จพระอรหัตตผลได้ ก็เมื่อท่านคิดอยู่อย่างนั้น ก็เกิดโทมนัสขึ้นมา สายน้ำตาก็หลั่งไหล ขณะนั้นในที่ใกล้ๆ มีเทพธิดาองค์หนึ่ง กำลังยืนร้องไห้อยู่

เถระ ใครร้องไห้ที่นี้

เทพธิดา ดิฉัน นางเทพธิดา เจ้าค่ะ.

เถระ ร้องไห้ทำไม

เทพธิดา เมื่อมรรคผลกำลังเกิดเพราะการร้องไห้ ดิฉันคิดว่าแม้เราก็จะให้เกิดมรรคผล หนึ่ง (หรือ) สอง จึงร้องไห้เจ้าค่ะ

จากนั้นพระเถระก็คิดว่า นี่แน่ะ มหาสิวะ แม้แต่เทพธิดาก็ยังมาเยาะเย้ยเธอได้ นี่มันควรแก่เธอหรือหนอ แล้วก็เจริญวิปัสสนา ได้ถือเอาความเป็นพระอรหันต์พร้อมกับปฏิสัมภิทาทั้งหลายแล้ว

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
khampan.a
วันที่ 23 ต.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระผู้มีมีพระภาคทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นความจริงทุกประการ พร้อมทั้งมีความละเอียด ลึกซึ้ง ลุ่มลึก ยากที่จะเข้าใจตามความเป็นจริงได้ ผู้ที่ไม่ได้สั่งสมกุศลไว้ ไม่ได้ใส่ใจ ไม่ให้ความสำคัญ จึงหยั่งรู้ได้ยากและเป็นที่พึ่งสำหรับบุคคลนั้นไม่ได้ แต่สำหรับผู้ที่ได้สั่งสมกุศลอบรมเจริญปัญญามา ก็ไม่เหลือวิสัยที่จะศึกษา ที่จะฟังจนกระทั่งมีความเข้าใจถูก เห็นถูก ในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงได้

เพราะ ยากและลึกซึ้ง จึงต้องตั้งใจฟัง ตั้งใจศึกษาต่อไป อย่างไม่ท้อถอย (หรือยังท้อถอยอยู่ ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา ห้ามไม่ได้) ถ้าได้ศึกษา ก็จะทำให้ได้ทราบว่า ผู้ที่ได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคลขั้นต่างๆ นั้น กว่าที่ท่านจะได้บรรลุเป็นพระอริยบุคคล ท่านก็ได้สั่งสมกุศล สั่งสมการสดับตรับฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ มาแล้วทั้งนั้น แล้วเราฟังมานานเท่าไหร่แล้ว จึงไม่ควรที่จะท้อแท้ ท้อถอยเลย การที่จะเข้าใจพระธรรม ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ส่วนหนึ่งคือ สั่งสมความเข้าใจมาตั้งแต่ชาติก่อน และที่สำคัญในปัจจุบัน ต้องอาศัยการอบรมเจริญ ด้วยการฟัง การสนทนา การสอบถาม เพื่อความเข้าใจยิ่งๆ ขึ้นไปด้วย

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ปริศนา
วันที่ 24 ต.ค. 2551

paderm ความคิดเห็นที่ 5

บัณฑิตแม้เป็นทุกข์ก็ไม่ทิ้งธรรม (การอบรมปัญญา ศึกษาธรรม เจริญกุศล)

ขออนุโมทนาค่ะ.

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
pornpaon
วันที่ 24 ต.ค. 2551

ความคิดเห็นที่ ๗

ฟังธรรมจนกว่าจะมั่นคงว่าเป็นธรรมทั้งนั้น แม้ความท้อแท้และสภาพธรรมอื่นๆ ด้วยก็เป็นธรรม

ความคิดเห็นที่ ๙

พระธรรมที่พระผู้มีมีพระภาคทรงตรัสรู้และทรงแสดงนั้น เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นความจริง เพราะยากและลึกซึ้ง จึงต้องตั้งใจฟัง ตั้งใจศึกษาต่อไปอย่างไม่ท้อถอย (หรือยังท้อถอยอยู่ ก็เป็นเรื่องปกติธรรมดา ห้ามไม่ได้) การที่จะเข้าใจพระธรรม ถูกต้องตรงตามความเป็นจริง ส่วนหนึ่ง คือสั่งสมความเข้าใจมาตั้งแต่ชาติก่อน และที่สำคัญในปัจจุบันต้องอาศัยการอบรมเจริญ ด้วยการฟัง การสนทนา การสอบถามเพื่อความเข้าใจยิ่งๆ ขึ้นไปด้วย ทุกประการ

ขออนุโมทนาค่ะ

หากพระธรรมเป็นเรื่องเข้าใจง่าย รู้ตามเห็นตามได้ง่าย ถ้าอย่างนั้น เวลาตั้งสี่อสงไขยแสนกัปป์ แปดอสงไขยแสนกัปป์ สิบหกอสงไขย แสนกัปป์ไม่น่าท้อแท้กว่าหรือ นานขนาดนั้นก็ยังมีมหาบุรุษเฝ้าพากเพียรพยายาม เราเป็นผู้ศึกษาผู้คอยรู้ตาม ย่อมนานกว่านั้นเป็นธรรมดา ฉะนั้น ท้อได้ แต่อย่าถอย

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
choonj
วันที่ 25 ต.ค. 2551

ทุกคนบอกว่าจะไม่ท้อและไม่ถอย แต่กัปป์หนึ่งหลายร้อยล้านปีนะ ร้อยปีเอาผ้าลูบภูเขาหนี่งครั้งจนภูเขาราบเรียกหนึ่งกัปป์ แล้วก็หนึ่งอสงไขย์ก็หลายกัปป์ แล้วเกิดสักกี่ครั้งที่จะอยู่ในคติสมบัติที่จะได้พบธรรมะเข้าใจธรรมะ ผมว่าท้อได้ แต่อย่าถอยน่าจะ โอเค

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ajarnkruo
วันที่ 25 ต.ค. 2551

น่าคิดว่า ท้อทำไม ท้อเพราะอะไร ลึกๆ แล้วผู้ที่ท้อแท้นั้น เข้ามาศึกษาเพื่อหวังอะไรจากพระพุทธเจ้า จากพระธรรมที่ทรงแสดงไว้ ด้วยอกุศลจิตหรือเปล่า เพื่อนสนิทเขาตามติดไม่ปล่อยเลยนะครับ โลภะเนี่ยเรียกชื่อบ่อยๆ ไม่รู้หรอกว่าเรือนที่เขาสร้างอยู่ในขณะนี้ แล้วก็สร้างไว้รอขันธ์ใหม่ๆ ไว้อีกหลายกัปป์ต่อไปนั้นจะใหญ่โตสักแค่ไหน ถ้าฟังเพื่อเข้าใจแล้วจะคลายการฟังเพื่อหวังไปโดยปริยาย แต่ถ้าลืมจุดประสงค์ของการฟังเมื่อไร ตัวหวังก็มากระซิบให้หวังอีก แต่เป็นหวังที่ลมๆ แล้งๆ สุดท้ายก็ไม่ได้ตามที่หวัง แล้วก็ท้อแท้เพราะผิดหวัง เพราะไม่ได้เจริญเหตุให้สมควรแก่ผล ก่อนอื่นฟังเพื่อเข้าใจธรรมะที่มีจริงโดยความเป็นธรรมะ คลายความเห็นผิดที่ยึดถือว่า หวังเป็นเรา ท้อแท้เป็นเรา ท้อถอยเป็นเราก่อน ครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
SIRICHAI
วันที่ 26 ต.ค. 2551

ขอนอบน้อมบูชาพระรัตนตรัยอันเป็นสรณะสูงสุดของข้าพเจ้า

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของท่านทั้งหลาย

ผมทราบอย่างมากเลยว่า กว่าที่พวกเราจะได้ฟังธรรมะอย่างสะดวกอย่างปัจจุบัน เบื้องหลังนั้น ต้องใช้ความวิริยะอุตสาหะเพียรพยายามของ ท่านอาจารย์ สุจินต์ อาจารย์และวิทยากรทั้งหลายอย่างมาก ต้องสอนแล้วสอนอีก พูดแล้วพูดอีกกว่าจะได้ลูกศิษย์ที่เป็นสัมมาทิฏฐิสักคนหนึ่ง เจอบางคนที่ว่าง่ายก็สบายหน่อย เจอบางคนที่ดื้อก็เหนื่อยแทนอาจารย์ สอนอย่างนี้ก็ไปทำอย่างนั้น (เป็นเรื่องปกติของผู้ไม่รู้ครับ) ท่านอาจารย์สอนเสมอว่า สภาพธรรมทั้งหลายบังคับบัญชาไม่ได้ก็จริง

แต่เกิดได้เมื่อมีเหตุปัจจัยพร้อมครับ

ปัญญาแม้จะเกิดยากแสนยากแต่ก็สามารถเกิดขึ้นได้เมื่อมีปัจจัยพร้อมเช่นกัน ผมเองแม้จะมีปัญญาอยู่น้อยนิด แต่ก็พยายามที่จะเจริญเหตุปัจจัยเพิ่มขึ้นที่ละน้อยๆ ครับ แม้วันนี้สภาพธรรมะที่ปรากฎกับสติยังไม่ค่อยชัดก็จริงอยู่แต่ไม่ควรจะท้อถอย

การท้อถอย ไม่ใช่เหตุแห่งปัญญา

การท้อถอย ไม่ใช่ทางตรง

การท้อถอย เป็นทางที่กำลังถอยลงคลอง (อันมีน้ำที่เน่าเหม็นคือกิเลส)

การท้อถอย เป็นกิเลสที่เข้าครอบงำจิต

(แต่การท้อถอยเมื่อเกิดขึ้นสติระลึกรู้สภาพธรรม จะเข้าใจได้เลยว่าเป็นเพียง ธรรมะอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เราที่ท้อ และไม่มีเราที่ท้อด้วยครับ ขอเพียงมีปกติเจริญสติปัฏฐานครับ) เรียนสหายธรรมทั้งหลายว่า พวกเรามาเจริญเหตุปัจจัยแห่งปัญญากันดีกว่าไหม และถ้าจะเปรียบเทียบกันระหว่างความเหนื่อยยากของการเจริญเหตุให้ได้ปัญญากับความ เหนื่อยยากของพระผู้มีพระภาคก่อนตรัสรู้นั้นคงจะเทียบกันไม่ได้เลย และคง เข้าใจดีว่าศาสนาของพวกเราเป็นศาสนาแห่งความวิริยะอุตสาหะเพียรพยายาม มาถึงตรงนี้แล้วนึกถึง คำตอบของพระมหากัสสปะ เมื่อถูกพระสารีบุตรถามว่า เหตุอันใดหนอที่ทำให้บุรุษควรเกิดความรู้แจ้งธรรมและตรัสรู้ธรรม พระมหากัสสปะ ตอบว่า บุรุษที่มีความเพียร มีความสะดุ้งกลัว ในการเจริญกุศลธรรมและในการละอกุศลธรรมทั้งหลายย่อมควรแก่ความรู้แจ้ง และการตรัสรู้ธรรม ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
khondeebkk
วันที่ 27 ต.ค. 2551

ผมฟังอาจารย์มาก็หลายปีเข้าใจบ้าง (ก็เบิกบาน) ไม่เข้าใจบ้าง (ก็ผ่านไป) ไม่เคยเกิดความท้อแท้ท้อถอยเลย ครับ ก็ฟังไปเรื่อยๆ พยายามพิจารณาแต่ละคำที่ท่านพูด และก็อย่างที่ทุกท่านทราบกันอย่างดีว่าเป็นจิรกาลภาวนาแล้วจะไปเร่งรีบกันได้ยังไง และที่สำคัญคือเมื่อได้พบพระสัทธรรมแล้วควรจะเบาสบายแล้ว ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 16  
 
choonj
วันที่ 27 ต.ค. 2551

ขอสนทนา อ.ครูโอ ความเห็นที่ ๑๓ เพื่อการเจริญในธรรม ด้วยความเคารพ ครับ

ท้อเพราะยาก ท้อเพราะเวลาอันยาวนานมากๆ แต่ไม่ถอยครับและไม่ไว้ใจตัวเองเพราะอาจเกิดมาอีกโดยไม่พบธรรม เข้ามาศึกษาเพื่อการเจริญของปัญญาจนนิพพานของพระพุทธเจ้าที่แสดงไว้ด้วยกุศลจิต รู้จักเพื่อนสองอยู่ ติดตามกันมาหลายล้านชาติแล้ว เขาตัวใหญ่กำลังมาก เราตัวเล็กกำลังน้อย สู้เขาไม่ได้ แต่เห็นเขาอยู่ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ เขาตัวใหญ่สร้างเรือนเก่งก็เปล่อยให้เขาสร้างไปก่อน ท้อแต่ไม่ได้หวัง ท้อก็เป็นธรรมเมื่อมีเหตุปัจจัยท้อก็เกิดแล้วก็ดับ ห้ามท้อเกิดไม่ได้ จึงท้ออยู่ ถอยก็เป็นธรรมแต่ไม่ถอยเพราะมีฉันทะที่เป็นฟืนกำกับอยู่ เมื่อเอาท้อมารวมกับถอยเป็นท้อถอยก็ผิดประเด็นที่สนทนา แต่ไม่ผิดกระทู้ อธิบายไม่ถูก เป็นภาษาโลกน่าจะแปลว่า ยอมแพ้ ทุกวันนี้ก็ฟังธรรมะว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 17  
 
Pararawee
วันที่ 28 ต.ค. 2551

ซาบซึ้งจริงๆ ค่ะ อนุโมทนาในวิริยะของทุกท่านจริงๆ จากใจนะคะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านอาจารย์และวิทยากรทุกท่าน สหายธรรมทุกท่าน ทุกครั้งที่ข้าพเจ้าไปที่มูลนิธิฯ ก็อดนึกไม่ได้ว่าเราคงได้กระทำบุญไว้แต่ชาติปางก่อนเป็นแน่ จึงได้เหตุปัจจัยทำให้มายื่นอยู่ที่นี่ แล้วข้าพเจ้าก็ทราบว่า ข้าพเจ้าได้ประโยชน์มากมายจากสถานที่แห่งนี้ทำให้ชีวิตของข้าพเจ้ามีสิ่งที่เรียกว่า "ปัญญา" เกิดขึ้นบ้าง ไม่มากก็น้อยค่ะ

บุญคุณของท่านอาจารย์ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรจริงๆ

ข้าพเจ้าจะเป็นนักศึกษาธรรมะต่อไปค่ะ ไม่พักไม่เพียร...

 
  ความคิดเห็นที่ 18  
 
opanayigo
วันที่ 2 พ.ย. 2551

ไม่ผลักไส ไม่ใฝ่หา

ขออนุโมทนาในการแบ่งปัน ให้กำลังใจกันในการศึกษาพระธรรมค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 19  
 
คุณ
วันที่ 1 ม.ค. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 20  
 
hadezz
วันที่ 16 ก.พ. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 21  
 
chatchai.k
วันที่ 11 ก.ย. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 22  
 
Kalaya
วันที่ 12 ก.ย. 2563

อนุโมทนาค่ะ

ไม่ท้อค่ะยังพิ่มความวิริยะและเกิดปิติมากด้วยค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ