ผู้ที่รู้จักตัวเองตามความเป็นจริง !
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น.
ข้อความบางตอนจากการบรรยายธรรม โดยอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ณ ตึกสภาการศึกษา มหามกุฏราชวิทยาลัย พ.ศ. ๒๕๒๕ ถอดเทป โดยคุณย่าสงวน สุจริตกุล
ในชีวิตประจำวัน ไม่ได้มีแต่กุศล แต่อกุศลมีมาก เพราะฉะนั้น "เป็นผู้ที่รู้จักตัวเอง ตามความเป็นจริง" ว่า ขณะนั้น เกิดความพอใจในรูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส อย่างนั้นๆ ก็เป็นเพราะ "อุปนิสสยปัจจัย" ที่สะสมมาเป็นปกติคือเป็น "ปกตูปนิสสยปัจจัย" ทำให้พอใจ อย่างนั้น
ยิ่งเวลาที่ท่านผู้ฟังนึกถึงอาหารที่จะบริโภค แต่ละคนก็นึกถึงอาหารที่ชอบใจตามการสะสมที่เป็นปกติทำให้พอใจในรสอาหาร เช่นนั้นๆ หรือว่าในขณะที่โกรธ ไม่พอใจก็ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่ว่าจะเป็นความโลภ หรือความโกรธ บางคน ไม่พอใจใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัสอย่างนั้นๆ ไม่พอใจใน กิริยาอาการ ในมารยาท ในวาจาของบุคคลอย่างนั้นๆ ซึ่งอาจจะเป็นที่พอใจ ของบุคคลอื่น แต่สำหรับท่านไม่พอใจ
นี่ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเป็นความต่างกัน ของ "อุปนิสสัย" ที่สะสมมาจนเป็นปกติตามความเป็นจริง จึงเป็น "อุปนิสสัย" ที่มีกำลังและเป็น "ปกตูปนิสสยปัจจัย" เพราะมีกำลัง
ท่านผู้ฟัง ยังไม่ใช่ พระอริยบุคคล ย่อมมีทุจริตกรรมบ้างแล้ว แต่ว่าจะเป็นทางกาย หรือทางวาจา เช่น คงจะมีการฆ่าสัตว์เล็ก สัตว์น้อย ปาณาติบาต เกิดขึ้น ให้ทราบว่า ถ้าไม่เคยฆ่ามาก่อนในอดีต ปัจจุบันนี้ก็จะไม่ฆ่า เพราะว่าบางท่าน ไม่ฆ่าสัตว์ใหญ่ แต่ยังมีการเบียดเบียนสัตว์เล็ก สัตว์น้อย เป็นข้ออ้างได้หลายอย่างว่า เป็นสัตว์ ที่ทำให้ท่านเดือดร้อน เช่น ยุง มด เป็นต้น แต่ให้ทราบว่า ขณะที่กระทำปาณาติบาต ๑ ครั้งก็จะเป็นปัจจัย ให้กระทำปาณาติบาตอีกในอนาคต และ อาจจะรุนแรง จนกระทั่งสามารถที่จะฆ่า แม้ มารดา บิดา มิตรสหาย หรือ ผู้ที่มีพระคุณ ก็ได้ นี่ก็เป็นเพราะ "ปกตูปนิสสยปัจจัย" คือ ปัจจัยที่มีกำลังทำให้สภาพธรรมนั้นๆ เกิดขึ้น
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศล แด่ คุณพ่อ คุณแม่และสรรพสัตว์
อกุศลเพียงเล็กน้อยไม่ควรกระทำ เพราะจะสะสมต่อไปให้กระทำอีกจนมีกำลังเพิ่มขึ้นจนกระทำเป็นอุปนิสัยที่จะกระทำอกุศลกรรมหนักได้ จึงควรเป็นผู้ไม่ประมาท เห็นโทษของอกุศลและรู้จักตัวเองตามความเป็นจริงว่า สภาพธรรมที่เกิดขึ้น ล้วนเป็นสภาพธรรมไม่ใช่เรา
ขออนุโมทนาค่ะ