ปรมัตถธรรมเป็นปรมัตถธรรม
ฉะนั้น ที่ปรากฏเสมือนทั้งได้ยินและเห็นด้วยนั้น ก็เพราะรูปเกิดดับปรากฏสืบต่อทั้งทางจักขุทวารวิถี (ภวังค์คั่น) และมโนทวารวิถีมากมาย จนกระทั่งปรากฏเป็นคนกำลังเดินหรือว่ากำลังยกมือและกำลังเคลื่อนไหว เป็นต้น แต่เมื่อไม่ประจักษ์การเกิดขึ้นและดับไปอย่างรวดเร็วของนามธรรมและรูปธรรม จึงยึดถือโดยบัญญัติสิ่งที่ปรากฏนั้นเป็นคนบ้าง เป็นหญิงบ้าง ชายบ้าง วัตถุสิ่งนั้นสิ่งนี้บ้าง แต่ควรระลึกว่าตั้งแต่เริ่มศึกษาปรมัตถธรรมนั้นรู้ว่า ปรมัตถธรรมเป็นสภาพธรรมที่มีจริงซึ่งไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน ไม่ใช่หญิง ไม่ใช่ชาย ไม่ใช่วัตถุสิ่งใดๆ ธรรมที่เป็นสัจจธรรมนั้นต้องเป็นความจริงตั้งแต่ต้นไปจนตลอด จนกว่าจะอบรมเจริญปัญญาขึ้นถึงขั้นประจักษ์แจ้งสภาพธรรมตามที่ชินหู และพูดตามว่า ปรมัตถธรรมเป็นสิ่งที่มีจริงแต่ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน รสมีจริง แข็งมีจริงบัญญัติรสและแข็งนั้นว่าองุ่น แต่สิ่งที่มีจริงคือรูปเกิดขึ้นแล้วดับไป เพราะฉะนั้นจึงไม่มีองุ่น ไม่มีสัตว์ บุคคล มีแต่เพียงรูปธรรมและนามธรรมซึ่งเกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็ว ปรมัตถธรรมเป็นปรมัตถธรรม ไม่ใช่บัญญัติ
การศึกษาและการปฏิบัติธรรมจะต้องตรงตามที่ได้ศึกษา แม้ในตอนต้น และต้องตรงต่อลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริง เช่น ตามที่ศึกษาว่าปรมัตถธรรม ทั้งขั้นของการฟัง การพิจารณา การอบรมเจริญปัญญาจนประจักษ์แจ้งความจริงตามที่ได้ศึกษาแล้วด้วย
ดาวน์โหลดหนังสือ --> ปรมัตถธรรมสังเขป