ได้ยินแล้วคิด_12
ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ได้ยิน ท่าน อ.สุจินต์ แสดงอยู่บ่อยๆ "ระลึกรู้ลักษณะธรรมที่กำลังปรากฏ" ได้ยินแล้วคิด อย่างไร...
ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ หมายถึง การอบรมปัญญา เพื่อรู้ตามความเป็นจริงว่า เป็นธรรมไม่ใช่เรา คือสติปัฏฐาน นั่นเอง ระลึก สติทำหน้าที่ระลึก ไม่ใช่เราไปพยายามระลึก มีสิ่งที่ถูกระลึกคือสภาพธรรม รู้ปัญญาทำหน้าที่รู้ รู้ตามความเป็นจริงว่า เป็นธรรมไม่ใช่เรา ลักษณะธรรม สติและปัญญา ระลึกรู้ในสิ่งที่มีจริงคือธรรม เหตุใดถึงกล่าวว่า "มีจริง" เพราะมี "ลักษณะ" ให้รู้ เช่น แข็ง เย็น เป็นสิ่งที่มีจริง เพราะมีลักษณะให้รู้คือ แข็ง อ่อน เป็นต้น สติและปัญญา ต้องระลึกรู้ลักษณะธรรม จึงรู้ว่าเป็นธรรม เพราะขณะที่สติและปัญญาไม่เกิด มีแต่เรื่องราวทำให้ยึดถือ ว่าเป็นสัตว์บุคคลตัวตน แม้มีลักษณะปรากฎ แต่สติและปัญญาไม่เกิดรู้ลักษณะ แต่เมื่อสติและปัญญาเกิดจึงระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรม เมื่อรู้ลักษณะก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นธรรมไม่ใช่เราที่กำลังปรากฎ การอบรมปัญญาเพื่อรู้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา คือขณะนี้ ขณะที่สภาพธรรมกำลังปรากฎ หากไม่ปรากฎให้รู้จะระลึกและรู้ในสิ่งที่ไม่ปรากฏได้อย่างไร ขณะนี้กำลังปรากฏมีลักษณะให้รู้ ขณะที่ไม่ปรากฏก็ไม่มีลักษณะให้รู้ เมื่อไม่มีลักษณะให้รู้ ก็ไม่ได้รู้ตัวจริงของธรรม ก็ไม่สามารถไถ่ถอน ความเห็นผิดว่าเป็นสัตว์บุคคลตัวตนได้ การรู้ความจริง จึงเป็นการรู้ขณะนี้เอง ขณะที่สภาพธรรมกำลังปรากฎ ทางตา หู จมูกลิ้น กาย ใจ รู้ลักษณะที่มีจริงที่เป็นธรรม ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ
ก่อนจะถึงการรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ ก็ต้องเริ่มจากการฟังให้เข้าใจก่อน เข้าใจว่าธรรมคืออะไร อยู่ไหนขณะไหน เมื่อความเข้าใจมั่นคง ธรรมทำหน้าที่เอง คือเกิดสติและปัญญาระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ ฟังต่อไปจนกว่าจะถึงคำนี้ แม้จะไม่ใช้ชื่อ แต่ก็รู้ตัวจริงตามชื่อที่ว่า ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎ
ขออนุโมทนาครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
อาศัยการเกิดขึ้นของ สติเจตสิก ทำกิจ ระลึกได้ในลักษณะธรรม กิจการพิจารณาศึกษาเพื่อให้รู้ความจริงใน ลักษณะ ธรรมของปัญญาเจตสิกจึงมีได้ ธรรมที่กำลังปรากฏ ที่ปรากฏได้ เพราะเกิดแล้ว จึงแสดงลักษณะจริงๆ ให้ผู้ที่รู้ได้พิสูจน์ แต่นานมาแล้วที่ผู้ไม่รู้ หลงคุ้นเคยกับธรรมที่ไม่มีลักษณะจริงๆ (บัญญัติ) โดยไม่รู้ว่า สิ่งที่คุ้นเคยนั้นปกปิดลักษณะธรรมที่กำลังปรากฏเอาไว้ พอกพูนความคุ้นเคยเรื่อยมา จนสุดท้าย กระทำกุศลบ้าง อกุศลบ้างด้วยความไม่รู้ความจริงของลักษณะธรรม จะเห็นว่าขณะใดที่ไม่ได้ระลึกรู้ ย่อมหลงยึดถือผิด ด้วยความดำริผิดว่า บัญญัติมีจริง เพราะเห็นทีไรก็ปรากฏเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใด ได้ยินทีไร ก็จำได้ว่าเป็นเสียงของใคร เสียงอะไรทันที แต่เมื่อใดที่เริ่มระลึกรู้ลักษณะธรรมที่ปรากฏเมื่อไร ย่อมจะเริ่มค่อยๆ เห็นความต่าง จากสิ่งที่เป็นความจริงที่ไม่เคยรู้มาก่อน เปรียบเทียบให้เห็นถึงความไร้สาระของสิ่งที่เคยคุ้นเคย เมื่อนั้นจึงจะเกิดความเห็นถูก ที่จะเพียรละคลายความเห็นผิด ในสิ่งที่ยึดถือมานานแสนนานด้วยเกิดความเห็นว่าสิ่งนั้นไม่มีแก่นสารจริงๆ
ขออนุโมทนาครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
"ระลึกรู้ลักษณะธรรมที่กำลังปรากฏ"
สภาพธรรม เป็นสิ่งที่มีจริง เป็นสัจจธรรม และมีลักษณะเฉพาะของตนๆ จึงปรากฏให้รู้ได้ว่าเป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ เป็นธาตุแต่ละอย่างๆ ไม่ปะปนกัน ที่ว่าปรากฏให้รู้นั้นไม่ใช่ตัวเราที่รู้ แต่เป็นกิจหน้าที่ของธรรมฝ่ายดี คือ สติ (สภาพธรรมที่ระลึก) และ ปัญญา (สภาพธรรมที่รู้แจ้ง รู้ชัด) ที่ระลึกรู้ ระลึกรู้อะไร? ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ (ถ้าไม่ปรากฏ ย่อมไม่รู้)
สภาพธรรมที่กำลังปรากฏเป็นสภาพธรรมที่มีจริงในชีวิตประจำวัน ซึ่งไม่พ้นไปจากนามธรรมกับรูปธรรม ไม่ว่าจะได้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส คิดนึกขณะที่จิตเป็นกุศล หรือขณะที่จิตเป็นอกุศล เป็นต้น เป็นสภาพธรรมที่มีจริงทั้งหมด (กล่าวได้ว่า ทุกขณะของชีวิต เป็นธรรม) เมื่อไม่ได้ฟัง ไม่ได้ศึกษา ย่อมไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน แม้ในขั้นการฟัง ก็เป็นประโยชน์ เพราะการได้ฟังในสิ่งที่มีจริงบ่อยๆ เนืองๆ ย่อมเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้สติเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏได้ ตามเหตุตามปัจจัยไม่มีตัวตนที่ไปบังคับให้สติเกิดเพราะสติ ก็เป็นสภาพธรรมประเภทหนึ่ง เป็นอนัตตา ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชา และประการที่สำคัญ จุดประสงค์ในการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน นั้น ก็เพื่อเข้าใจตัวธรรมจริงๆ กล่าวคือ สติเกิดขึ้นระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนั้น ว่าเป็นธรรม ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ตัวตน เพราะขณะที่สติเกิดขึ้นระลึกรู้สภาพธรรมนั้น ไม่มีอะไรอย่างอื่น นอกจากสภาพธรรมที่มีจริงเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่ใช่เพียงเพื่อเข้าใจชื่อของธรรม เท่านั้น หนทางยังอีกยาวไกลจึงต้องสั่งสมความรู้ ความเข้าใจเรื่องของสภาพธรรม เป็นระยะเวลาที่ยาวนานทีเดียว "จิรกาลภาวนา" ครับ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ