อยู่ด้วยความประมาท
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
[เล่มที่ 28] พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สฬายตนวรรค เล่ม ๔ ภาค ๑ - หน้าที่ ๑๖๕
[เล่มที่ 28] ๔. ปมาทวิหารีสูตร
ว่าด้วย ผู้อยู่ด้วยความประมาทและไม่ประมาท
ณ กรุงสาวัตถี พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสว่าดูก่อน ภิกษุทั้งหลายเราจักแสดง ภิกษุผู้อยู่ด้วยความประมาทและภิกษุผู้อยู่ด้วยความไม่ประมาทเธอทั้งหลายจงฟังเถิด ก็ภิกษุผู้ "อยู่ด้วยความประมาท" อย่างไร
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลายภิกษุ ไม่สำรวมจักขุนทรีย์อยู่ จิตย่อมแส่ไปในรูปทั้งหลายที่พึงรู้แจ้ง ด้วยจักษุ
ภิกษุมีจิตแส่ไป แล้วปราโมทย์ก็ไม่มี เมื่อปราโมทย์ไม่มี ปีติก็ไม่มี เมื่อปีติ ไม่มีปัสสัทธิก็ไม่มี เมื่อปัสสัทธิไม่มี ภิกษุนั้นก็อยู่ลำบาก
จิตของภิกษุผู้มีความลำบากย่อมไม่ตั้งมั่น เมื่อจิตไม่ตั้งมั่น ธรรมทั้งหลายก็ไม่ปรากฏ เพราะธรรมทั้งหลายไม่ปรากฏ ภิกษุนั้นก็ถึงความนับว่าเป็นผู้ "อยู่ด้วยความประมาท" แท้จริง
เมื่อภิกษุไม่สำรวมชิวหินทรีย์ จิตย่อมแส่ไปในรสทั้งหลายที่พึงรู้แจ้งด้วยลิ้น เมื่อภิกษุ มีจิตแส่ไปแล้ว ภิกษุนั้นก็ถึงความนับว่าเป็นผู้ "อยู่ด้วยความประมาท" แท้จริง
ภิกษุ ไม่สำรวมมนินทรีย์อยู่ จิตย่อมแส่ไปในธรรมทั้งหลายที่พึงรู้แจ้ง ด้วยใจ
ภิกษุมีจิตแส่ไปแล้วปราโมทย์ก็ไม่มี เมื่อปราโมทย์ไม่มีปิติก็ไม่มี เมื่อปิติไม่มีปัสสัทธิก็ไม่มี เมื่อปัสสัทธิไม่มี ภิกษุนั้นก็อยู่ลำบาก จิตของภิกษุผู้มีความลำบากย่อมไม่ตั้งมั่น เมื่อจิตไม่ตั้งมั่น ธรรมทั้งหลายก็ไม่ปรากฏ เพราะธรรมทั้งหลายไม่ปรากฏ ภิกษุนั้นก็ถึงความนับว่าเป็นผู้ "อยู่ด้วยความประมาท" แท้จริง
ดูก่อน ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุเป็นผู้ "อยู่ด้วยความประมาท" ด้วยประการฉะนี้
ขออุทิศกุศล แด่ คุณพ่อ คุณแม่และสรรพสัตว์
ยังเป็นผู้อยู่ด้วยความประมาท
ยังขาดความสำรวมเช่นกัน
ขออนุโมทนาคุณปริศนา
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
แต่ก่อน ถึงประมาท ก็ไม่รู้ว่าประมาทตอนนี้รู้ว่าประมาทเป็นอย่างไร แต่ก็ยังประมาทอยู่ แต่อย่างน้อยก็ยังหาหนทางเพื่อละความประมาท
ทุกวันนี้เราประมาทในสิ่งที่ใกล้ตัวมากตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจมีทุกวัน แต่ก็หลงลืมทุกวัน ไม่รู้ความจริงทุกวัน หนทางยังอีกไกลค่อยๆ อบรมเจริญความเป็นผู้ไม่ประมาทต่อไป
...ขออนุโมทนาครับ...
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
จะเห็นได้ว่าจะประมาทหรือไม่ประมาทเป็นเรื่องของปัญญา ขณะที่เป็นอกุศลก็ชื่อว่าประมาทเพราะปราศจากสติ ขณะที่เป็นกุศลก็ชื่อว่าไม่ประมาทเพราะมีสติ แต่ความไม่ประมาทก็มีหลายระดับตามระดับของปัญญา สูงสุดคือการอบรมเจริญสติปัฏฐานเพื่อถึงการดับกิเลส ดังนั้นจึงไม่ประมาทในกุศลทุกประการ แต่เมื่อยังมีกิเลสก็มีปัจจัยให้ประมาทคือ เกิดอกุศล แต่ก็สามารถรู้ความจริงขณะที่ประมาท ขณะที่เป็นอกุศลได้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เราได้ครับ เป็นปรกติในชีวิตประจำวัน รู้ความประมาท (อกุศล) ด้วยความไม่ประมาท (สติปัฏฐาน) ย่อมเป็นหนทางที่ดับกิเลสได้ ครับ
ขออนุโมทนาครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์