อหิงสกะ - พระอังคุลิมาลเถระ

 
พุทธรักษา
วันที่  31 ต.ค. 2551
หมายเลข  10264
อ่าน  12,170

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

การเดิน...การหยุด

พระอังคุลิมาลเถระ สมัยเมื่อยังเป็นโจรอยู่ได้กล่าวคาถา กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ดูกรสมณะ ท่านกำลังเดินอยู่กลับกล่าวว่า เราหยุดแล้ว ส่วนข้าพเจ้าหยุดแล้วท่านกลับกล่าวว่า ไม่หยุด

พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสตอบว่า ดูกร องคุลิมาลเราวางอาชญา ในสัตว์ทั้งปวงแล้วส่วนท่าน ยังไม่วางอาชญาในสัตว์ทั้งปวง ฉะนั้น เราจึงชื่อว่า หยุดแล้ว ส่วนท่าน ชื่อว่า ยังไม่หยุด

อังคุลิมาล กราบทูลว่าพระองค์เป็นสมณะที่ชาวโลก กับทั้งเทวโลก บูชาด้วยเครื่องบูชามากมายผู้ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่เพิ่งจะเสด็จมาถึงป่าใหญ่ เพื่อโปรดข้าพระองค์ โดยกาลนานหนอ ข้าพระองค์ ได้สดับพระคาถา ซึ่งประกอบด้วยเหตุผล ของพระองค์แล้วจักละเลิกบาปกรรม ตั้งพันเสีย
ครั้นองคุลิมาล กราบทูลดังนี้แล้วก็โยนดาบและอาวุธทั้งหมด ทิ้งลงในหนองน้ำ บ่อน้ำ และในเหว ได้ถวายบังคมพระยุคลบาทของพระสุคตเจ้า แล้วทูลขอบรรพชาต่อพระผู้มีพระภาคเจ้า ณ ที่นั้นเอง

ทันใดนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงประกอบไปด้วยพระมหากรุณา ทรงแสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่ เป็นศาสดาของโลกกับทั้งเทวโลก ได้ตรัสว่า "จงเป็น ภิกษุ มาเถิด" เท่านี้ ความเป็นภิกษุ ก็ได้มีแก่อังคุลิมาล ในขณะนั้นเอง

เมื่อ องคุลิมาลได้บรรพชาอุปสมบท และ ได้บรรลุ เป็น พระอรหันต์แล้ว ในขณะที่เสวยวิมุตติสุขอยู่นั้นก็เกิดปีติ โสมนัส จึงได้กล่าวคาถาด้วยความสามารถอันยิ่งของท่าน มีใจความว่า "ผู้ใด เคยประมาท ในกาลก่อน ภายหลัง เขาไม่ประมาท ผู้นั้นชื่อว่า ทำโลกนี้ให้สว่างไสว เหมือนพระจันทร์พ้นแล้วจากเมฆหมอก ฉันนั้น"

บาปกรรม ที่ได้กระทำแล้ว ถ้าผู้ใด สามารถปิดกั้นไว้ด้วย "กุศล" ผู้นั้น ย่อมทำโลกนี้ให้สว่างไสวเหมือนพระจันทร์พ้นแล้วจากเมฆหมอก ฉันนั้น

ภิกษุใด แม้จะยังหนุ่ม ถ้าประกอบความขวนขวาย ในพระพุทธศาสนา ภิกษุนั้นย่อมทำให้โลกนี้ให้สว่างไสวได้เหมือนพระจันทร์ พ้นแล้วจากเมฆหมอกฉะนั้น

ผู้ที่เป็นข้าศึกต่อเรา ขอจงฟังธรรมกถาที่เราได้ฟังแล้ว ในสำนักของพระศาสดา ขอจงประกอบความขวนขวาย ในพระพุทธศาสนา ขอจงคบสัตบุรุษ ซึ่งถือมั่นแต่ธรรม อย่างเดียวก็ผู้ที่เป็นข้าศึกต่อเรา เมื่อฟังธรรม ของท่านผู้กล่าว สรรเสริญ ความอดทน ผู้มีปกติสรรเสริญ ความไม่โกรธ ตามเวลาอันสมควร ขอจงปฏิบัติตามธรรมอันสมควรแก่ธรรม นั้นเถิด อุปมาเช่น ชาวนาที่ต้องการน้ำ ย่อมไขน้ำไปช่างศร ย่อมดัดลูกศร ช่างไม้ ย่อมถากไม้บัณฑิต ย่อมฝึกตน คนบางพวก ฝึกช้างและม้า เป็นต้น ด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยขอบ้าง ด้วยแส้บ้าง ส่วนเราเป็นผู้อันพระศาสดา ผู้คงที่ ทรงฝึกแล้วโดย ไม่ได้ทรงใช้อาชญา และ ศาสตราเมื่อก่อนเรามีชื่อว่า "อหิงสกะ" คือผู้ไม่เบียดเบียนแต่เรายังเบียดเบียนผู้อื่นอยู่ วันนี้เราเป็นผู้มีชื่อจริง คือ ไม่เบียดเบียนใคร แต่ก่อน เราเป็นโจรลือชาทั่วไปว่า "องคุลิมาล" แต่บัดนี้ถูกห้วงน้ำใหญ่พัดไปจนได้มาพบพระพุทธเจ้า ผู้เป็นที่พึ่งเข้าแล้ว

ครั้งก่อน เรามีมือเปื้อนโลหิต ลือชื่อไปทุกทิศว่า "องคุลิมาล" แต่บัดนี้องคุลิมาลได้พบพระพุทธเจ้า ผู้เป็นที่พึ่งเข้าแล้ว และ เราสามารถ ถอนตัณหาเครื่องนำไปสู่ภพน้อย ภพใหญ่ได้แล้วเราได้ทำอกุศล อันเป็นเหตุให้ไปสู่ทุคติ ไว้เป็นอันมากจึงต้องมารับผลกรรมที่ทำไว้ แต่บัดนี้ เราบริโภคโภชนะ โดยไม่เป็นหนี้คนพาลมีปัญญาทราม ย่อมประกอบ ด้วยความประมาทส่วนนักปราชญ์ ย่อมรักษา ความไม่ประมาทไว้เหมือนทรัพย์ อันประเสริฐสุดฉะนั้น

แต่ก่อน เราอยู่ในป่า โคนไม้ หรือถ้ำทุกๆ แห่งจะมีใจหวาดเสียว อยู่เป็นนิตย์ บัดนี้ เราผู้ซึ่งพระศาสดาทรงอนุเคราะห์แล้วไม่ติดอยู่ ในบ่วงมารจะยืน เดิน นั่ง นอน ก็เป็นสุข เมื่อก่อน เรามีเชื้อชาติเป็นพราหมณ์ มีครรภ์เป็นที่ถือปฏิสนธิ บริสุทธิ์ทั้ง ๒ ฝ่าย บัดนี้ เราเป็นโอรส ของพระสุคตศาสดาผู้เป็น "ธรรมราชา" เรา เป็นผู้ปราศจากตัณหาแล้ว ไม่ถือมั่น คุ้มครองทวาร สำรวมดีแล้วเราตัดรากเหง้าของทุกข์ ได้แล้วบรรลุถึงความสิ้นอาสวะแล้วเรา มีความคุ้นเคยกับพระศาสดา ปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า เสร็จสิ้นแล้วปลงภาระอันหนัก ลงได้แล้ว และถอนตัณหา เครื่องนำไปสู่ภพ ออกได้แล้ว

องคุลิมาลเถรคาถา พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย เถรคาถา ข้อที่ ๓๙๒ เล่มที่ ๒๖ จากหนังสือ "ธรรมานุภาพ" เรียบเรียงโดย มูลนิธิอภิธรรมมหาธาตุวิทยาลัย ๑ มกราคม ๒๕๒๗

ภิกษุทั้งหลาย เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่ ย่อมมีแสงอรุณขึ้นมาก่อนเป็นบุพนิมิต ฉันใดความมีกัลยาณมิตร ก็เป็นตัวนำ เป็นบุพนิมิต แห่งการเกิดขึ้นของอารยอัษฎางคิกมรรค

ความมีกัลยาณมิตรเท่ากับเป็นพรหมจรรย์ทั้งหมดทีเดียว (พรหมจรรย์ คือ การครองชีวิตประเสริฐ)

ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศล แด่ คุณพ่อ คุณแม่และสรรพสัตว์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
wannee.s
วันที่ 1 พ.ย. 2551
อหิงสกะ แปลว่าผู้ไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น ทางกาย ทางวาจา และทางใจค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
suwit02
วันที่ 2 พ.ย. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
paderm
วันที่ 2 พ.ย. 2551

ภิกษุใด แม้จะยังหนุ่ม ถ้าประกอบความขวนขวาย ในพระพุทธศาสนาภิกษุนั้น ย่อมทำให้โลกนี้ให้สว่างไสวได้เหมือนพระจันทร์ พ้นแล้วจากเมฆหมอก ฉะนั้น.ผู้ที่เป็นข้าศึกต่อเรา ขอจงฟังธรรมกถาที่เราได้ฟังแล้ว ในสำนักของพระศาสดา ขอจงประกอบความขวนขวาย ในพระพุทธศาสนา ขอจง "คบสัตบุรุษ" ซึ่งถือมั่นแต่ธรรม อย่างเดียว

ก็ผู้ที่เป็นข้าศึกต่อเรา เมื่อฟังธรรม ของท่านผู้กล่าวสรรเสริญความอดทนผู้มีปกติสรรเสริญ ความไม่โกรธ ตามเวลาอันสมควรขอจงปฏิบัติตาม "ธรรมอันสมควรแก่ธรรม" นั้นเถิด

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ajarnkruo
วันที่ 2 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
sirikorn
วันที่ 2 พ.ย. 2551

ต้นคด ปลายตรง

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
pornpaon
วันที่ 4 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ . . .

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pamali
วันที่ 4 ก.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
chatchai.k
วันที่ 15 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ