รูปทั้งหลายในร่างกายของ สัตว์ บุคคล

 
เมตตา
วันที่  6 พ.ย. 2551
หมายเลข  10308
อ่าน  2,070

รูปที่เป็นรูปใหญ่ที่เป็นประธานมี ๔ รูปได้แก่ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุไฟคือ อุตุ เมื่อเกิดแล้วเป็นปัจจัยทำให้รูปอื่นเกิดด้วย เพราะฉะนั้นรูปทั้งหลายในร่างกายเราที่เจริญเติบโตมาเพราะอุตุเป็นปัจจัย เพราะฉะนั้นแล้วแต่อุตุที่เกิดเพราะกรรม ว่าอุตุนั้นจะมีขนาดไหน จะทำให้คนนี้สูง ต่ำ ดำ ขาว อย่างไร เพราะว่าเป็นไปตามกรรมอีกเหมือนกัน อุตุที่เกิดเพราะกรรมก็เป็นปัจจัยหนึ่งซึ่งทำให้รูปเกิด นี่ก็แสดงให้เห็นว่าที่รูปของเราที่เจริญเติบโตมาทั้งหมดนั้น ไม่ใช่เพราะกรรมชรูป เพราะเหตุว่ากรรมชรูปนั้นเล็กมาก นิดเดียวเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นต้องมีอุตุชรูป แล้วที่จะเคลื่อนไหวไปได้ ก็เพราะมีจิตเป็นสมุฎฐานทำให้รูปนั้นเกิด ยกมือ เดินไทำอะไรก็ได้ทุกอย่าง ยิ้มบ้าง ร้องไห้บ้าง พูดบ้าง นี่ก็เป็นเรื่องของจิตชรูป แม้ว่าจะมีรูปซึ่งเกิดจากกรรม มีรูปที่เกิดจากจิต ยังต้องอาศัยอาหาร ที่มีโอชะอยู่ในอาหารนั้นรับประทานเข้าไป แล้วก็เป็นปัจจัยให้เกิดรูป เพราะฉะนั้น ในร่างกายนี้ที่ดำรงอยู่ได้จะขาดอาหารไม่ได้ เพราะอาหารเป็นส่วนหนึ่งซึ่งทำให้รูปเกิด ด้วยเหตุนี้ในรูปของสัตว์บุคคล จึงมีรูปที่เกิดจากสมุฎฐานทั้ง ๔ ได้แก่ รูปที่เกิดจากอุตุ รูปที่เกิดจากกรรม รูปที่เกิดจากจิต และรูปที่เกิดจากอาหาร

ขออนุโมทนาค่ะ.


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
ajarnkruo
วันที่ 7 พ.ย. 2551

ตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าเป็นรูปธรรมทั้งหมด แต่ถ้าไม่ศึกษาพระธรรม เราก็จะไม่รู้เลยว่าไม่ใช่เราได้อย่างไร เพราะทุกคนสะสมการยึดถือสภาพธรรมว่าเป็นตัวตนมานาน และคุ้นเคยที่จะเห็นผิดว่าเป็นเรา เป็นของเรา ชินมากกับการเป็นผู้ที่มืดบอด จึงทำให้ไม่รู้ความจริงว่าร่างกายที่มี ก็เพียงอัตตสัญญาที่หลงจำไว้ว่ายังมีเท่านั้น ความจริงของสิ่งนั้น ก็คือถ้ารูปธรรมใดไม่ปรากฏ รูปธรรมนั้นก็เกิดแล้วตามสมุฏฐานของตนๆ แล้วก็ดับไป ไม่กลับมาอีก เริ่มจากขั้นฟัง ฟังให้เข้าใจว่า รูปธรรม เป็นธรรมะ ไม่ใช่เรา ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งใด ไม่มีตัวตน แต่รูปธรรมมีสภาพเฉพาะให้สติระลึก และปัญญาศึกษาได้

...ขออนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
choonj
วันที่ 7 พ.ย. 2551

ไม่เพียงแต่รูปในร่างสัตว์บุคล แต่ทุกอย่างที่มีและประกอบเป็นโลกนี้ก็ไม่พ้นมหาภูตรูป ๔ การเข้าใจรูป ๒๘ จึงเข้าใจว่าเป็นธรรม ไม่ใช่เรา แต่ที่น่าศึกษาสำหรับผมคือรูปที่เกิดจากจิต ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
orawan.c
วันที่ 8 พ.ย. 2551

ทุกอย่างที่เป็นธรรมะน่าศึกษาทั้งนั้น เพราะเป็นสิ่งที่มีจริงๆ แต่ไม่เคยรู้ถ้าไม่ศึกษา นามธรรมคือสภาพรู้ ถ้าไม่มีสภาพรู้ก็ไม่มีอะไรปรากฎ ไม่ว่าจะเป็นรูปหรือนามก็ตาม

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
pornpaon
วันที่ 8 พ.ย. 2551

ขอถวายความนอบน้อมแด่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ด้วยเหตุนี้ในรูปของสัตว์บุคคล จึงมีรูปที่เกิดจากสมุฎฐานทั้ง ๔ ได้แก่ รูปที่เกิดจากอุตุ รูปที่เกิดจากกรรม รูปที่เกิดจากจิต และรูปที่เกิดจากอาหาร

กราบอนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์


ถ้าไม่ฟังไม่ศึกษา จะไม่รู้เลยว่าแม้แต่ผู้ที่กำลังแสดงความคิดเห็นอยู่นี้ ก็เป็นเพียง จิต เจตสิก รูป เป็นเพียงสภาพธรรมะที่เกิดขึ้นและดับไป สืบต่อกันอยู่ทุกขณะ แม้จะเริ่มเข้าใจขั้นการฟังว่าเป็นเช่นนั้น แต่ความยึดว่ารูปร่างกายนี้เป็นเรา ว่าความคิดนึกนี้เป็นของเราก็ยังไม่ได้เบาลงเท่าไหร่เลย เพราะความเข้าใจยังไม่มากพอ ยังไม่ได้ตั้งมั่นคงค่ะ

ขออนุโมทนาพี่เมตตา

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
wannee.s
วันที่ 9 พ.ย. 2551

ถ้าเป็นบัญญัติ เป็นเรื่องราวคิดนึก หาจุดจบไม่ได้ ถ้าเข้าใจจริงๆ ในโลกนี้ย่อแล้วเหลือแค่ นามธรรมกับรูปธรรมเท่านั้น ค่อยๆ รู้ความจริงว่าเป็นธรรมะอย่างหนึ่งค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
suwit02
วันที่ 10 พ.ย. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ผ้าเช็ดธุลี
วันที่ 14 มิ.ย. 2554
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ