ยานอันประเสริฐ ... ๒

 
บ้านธัมมะ
วันที่  9 พ.ย. 2551
หมายเลข  10335
อ่าน  972

ในอรรถกถาพราหมณสูตร มีข้อความว่า ชาณุสโสณีพราหมณ์ย่อมกระทำปทักษิณนคร ๖ เดือนครั้งหนึ่ง โดยมีคนประกาศไปล่วงหน้าว่า แต่นี้ไปพราหมณ์นั้นจะกระทำปทักษิณนครโดยวันทั้งหลายประมาณเท่านี้ ชนเหล่าใดฟังการประกาศนั้นแล้ว กำลังออกไปจากพระนคร ชนเหล่านั้นจะยังไม่หลีกไป (พอได้ข่าวว่าชาณุสโสณีพราหมณ์จะปทักษิณ แม้คนที่มีธุระจะออกไปจากนครก็ยังไม่ไป) แม้ชนเหล่าใดหลีกไปแล้ว ชนเหล่านั้นย่อมกลับ เพื่อที่จะได้ดูชาณุสโสณีพราหมณ์กระทำปทักษิณพระนคร ด้วยคิดว่าพวกเราจะได้เห็นสิริสมบัติของท่านผู้มีบุญ พราหมณ์ย่อมเที่ยวไปสู่นครตลอดวันใด ชาวเมืองทั้งหลายกวาดถนนในนครในกาลนั้นแต่เช้าตรู่ เกลี่ยทรายลง โปรยด้วยดอกไม้ทั้งหลายอันมีข้าวตอกเป็นที่ ๕ ให้ตั้งหม้อน้ำ ช่วยกันยกต้นกล้วยทั้งหลาย และธงทั้งหลายขึ้น แล้วย่อมทำนครทั้งสิ้นให้อบอวลด้วยกลิ่นธูป

พราหมณ์ปทักษิณนครด้วยรถเครื่องประดับ คือด้วยรถเทียมด้วยม้า ๔ ตัวอันขาวล้วน รถมีล้อและซี่กงทั้งหมดได้หุ้มด้วยเงิน (คือขาวหมด ไม่ว่าจะเป็นด้วยเงินหรือด้วยเครื่องประดับใดๆ ทั้งสิ้น) รถมี ๒ อย่าง คือ รถรบ ๑ และรถเครื่องประดับ ๑ รถรบมีสัณฐานสี่เหลี่ยมไม่ใหญ่นัก สามารถบรรทุกคนได้ ๒ คนหรือ ๓ คน แต่รถเครื่องประดับนั้นเป็นรถใหญ่คือยาวและกว้าง คนถือร่ม ถือวาลวิชนี ถือพัดใบตาล ย่อมอยู่ในรถนั้น ๘ คน หรือ ๑๐ คน สามารถจะยืนก็ได้ นอนก็ได้ตามสบายในรถนั้น และม้าที่เทียมรถนั้นก็ขาว เครื่องประดับของม้าเหล่านั้นได้เป็นของที่สำเร็จด้วยเงินทั้งหมด

รถชื่อว่าขาวเพราะหุ้มด้วยเงินและเพราะประดับด้วยงาในที่นั้นๆ รถเหล่าอื่นหุ้มด้วยหนังราชสีห์บ้าง หุ้มด้วยหนังสือบ้าง หุ้มด้วยผ้ากำพลเหลืองบ้าง ฉันใด รถของชาณุสโสณีพราหมณ์หาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะว่าได้หุ้มด้วยผ้าอย่างดี เชือกอันหุ้มด้วยเงินและแก้วประพาฬ แม้ด้ามประตักก็หุ้มด้วยเงิน แม้ร่มที่เขาให้ยกขึ้นในท่ามกลางรถก็ขาว ผ้าโพกทำด้วยเงินกว้าง ๗ นิ้วก็ขาว ผ้านุ่ง

ขาว คือมีสีดังก้อนฟองน้ำ ในผ้าเหล่านั้น ผ้านุ่งมีราคา ๕๐๐ ผ้าห่มมีราคาพันหนึ่ง และสำหรับรองเท้านั้น คนเดินทางหรือคนผู้เข้าสู่ดงย่อมมีได้ แต่ส่วนรองเท้านี้สำหรับขึ้นรถเป็นเครื่องประดับเท้าที่ผสมเงิน จามรและพัดวาลวิชนีมีสีขาวมีด้ามทำด้วยแก้วผลึก ก็เครื่องประดับเฉพาะเท่านี้ขาวได้มีแล้วแก่พราหมณ์นั้นอย่างเดียวเท่านั้นหามิได้ แม้เครื่องประดับของพราหมณ์ก็ทำด้วยเงิน มีเป็นต้นอย่างนี้ว่า ก็พราหมณ์นั้นลูบไล้ขาว ประดับดอกไม้ขาว ที่นิ้วทั้ง ๑๐ สวมแหวน ที่หูทั้งสองใส่ต่างหู

แม้พราหมณ์ผู้เป็นบริวารของเขาประมาณ ๑๐,๐๐๐ คน ก็ประดับขาวล้วนทั้งหมดทั้งเสื้อผ้าดอกไม้และเครื่องประดับตัวด้วยประมาณเท่านั้นเหมือนกัน ชาณุสโสณีพราหมณ์สนานศีรษะแต่เช้าตรู่ บริโภคอาหารเช้าแล้วก็แต่งตัวด้วยเครื่องนุ่งห่มมีผ้านุ่งขาว เป็นต้น ลงจากปราสาทขึ้นรถ พวกพราหมณ์ก็ตกแต่งด้วยผ้า เครื่องลูบไล้ และดอกไม้ขาวทั้งหมด ถือร่มขาวแวดล้อมชาณุสโสณีพราหมณ์

ต่อจากนั้นชนทั้งหลายก็ย่อมโปรยผลาผลแก่พวกเด็กหนุ่มก่อน เพื่อการประชุมของมหาชน ต่อจากนั้นก็ย่อมโปรยเงินมาสก แต่จากนั้น ก็โปรยกหาปนะทั้งหมด มหาชนย่อมประชุมกันโห่ร้องและโยนผ้า พราหมณ์ย่อมเที่ยวไปสู่นครเพื่อมหาสมบัติ เมื่อชนทั้งหลายผู้มีความต้องการมงคลและต้องการสวัสดี เป็นต้น กระทำมงคลและสวัสดีอยู่ มนุษย์ทั้งหลายผู้มีบุญขึ้นไปบนปราสาทมีชั้นเดียว เป็นต้น เปิดช่องหน้าต่างเช่นกับปีกนกแก้ว แลดูอยู่ แม้พราหมณ์ย่อมมุ่งตรงไปทางประตูทิศใต้ คล้ายจะครอบครองนครด้วยยศและสิริสมบัติของตน

เมื่อมหาชนเห็นรถนั้นก็กล่าวว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย ยานเช่นยานอันประเสริฐหนอ แต่พระผู้มีพระภาคตรัสว่า ดูกร อานนท์ ธรรมดาว่ามนุษย์ทั้งหลายให้ทรัพย์แก่ผู้ที่กล่าวสรรเสริญ แล้วก็ย่อมให้ขับร้องเพลง ขับสรรเสริญทาริกาทั้งหลายของตนว่า เป็นผู้น่ารัก น่าดู มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก ดังนี้ แต่บุตรหลานเหล่านั้นก็หาเป็นผู้น่ารักหรือมีโภคะมาก ด้วยเพียงการกล่าวสรรเสริญนั้นไม่

มหาชนเห็นรถของพราหมณ์อย่างนี้แล้ว จึงกล่าวสรรเสริญอย่างนี้ว่าท่านผู้เจริญทั้งหลาย ยานประเสริฐหนอ แม้ก็จริง ถึงอย่างนั้นยานนั้นจะชื่อว่าเป็นยานประเสริฐด้วยเพียงการกล่าวสรรเสริญก็หามิได้ ที่จริงนั้น ยานนั้นเป็นของลามก เลว

ดูกร อานนท์ แต่โดยปรมัตถ์ ยานนั้นเป็นชื่อของอริยมรรคมีองค์ ๘ นี้เท่านั้นแล ก็อริยมรรคนี้ประเสริฐเพราะปราศจากโทษทั้งปวง ด้วยว่าพระอริยะทั้งหลายย่อมไปสู่นิพพานด้วยอริยมรรคนี้ ดังนั้น จึงควรกล่าวว่า พรหมยานบ้างธรรมยานบ้าง เพราะเป็นธรรมและเป็นยาน ว่าเป็นรถพิชัยสงครามอันยอดเยี่ยมบ้าง เพราะไม่มีสิ่งอื่นอันยิ่งกว่า และเพราะชนะสงครามคือกิเลสแล้ว

นี้คือความต่างกัน ซึ่งเกิดจากเพียงการเห็นก็ทำให้เกิดความเห็นผิดความเข้าใจหนทางปฏิบัติผิด เพราะคิดว่าสีขาวจะเป็นมงคล ทำให้เป็นผู้ที่บริสุทธิ์หรือหมดกิเลสได้ แต่ความจริงนั้นพระผู้มีพระภาคตรัสว่า ที่จริงยานนั้นเป็นของลามก เลว เพราะว่าทำให้คนเข้าใจผิด คิดว่าเป็นยานประเสริฐ เพราะฉะนั้น การที่จะรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริง จึงไม่เกี่ยวกับเรื่องสีของเครื่องนุ่งห่ม และเครื่องประดับตกแต่ง แต่ว่า เมื่อใดที่สติปัญญาเกิด ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ จงชื่อว่ายานนั้นมีในผู้นั้นที่จะนำไปสู่การดับกิเลสได้

ดาวน์โหลดหนังสือ --> ปรมัตถธรรมสังเขป


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 11 พ.ย. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
chatchai.k
วันที่ 27 เม.ย. 2563

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ