ยกหนี้ให้ ไม่ก่อกรรม
เมื่อมีคนมายืมเงินเราแล้วไม่ใช้คืน ถ้าเราไม่อยากให้เขามีกรรมในเรื่องนี้ เราควรบอกกับเขาตรงๆ ว่า เรายกหนี้ให้เขา ไม่ต้องใช้คืนเรา เพื่อให้เขารับรู้ว่าเขาไม่เป็นหนี้ในส่วนนี้กับเราอีก จะถูกต้องไหมคะ
เพราะคิดว่าถ้าเรายกหนี้ให้โดยนึกในใจของเราเท่านั้น ไม่ได้บอกเขาให้รับรู้ ก็เสมือนเขายังเป็นหนี้เราอยู่ (อย่างน้อยถ้าเขายังจำได้ ไม่นับกรรมที่ทำไว้แล้วส่วนหนึ่ง) หากไม่ใช้คืนเรา เขาจะได้รับผลของกรรมนั้น แต่ถ้าเรายกให้โดยบอกให้เขารับรู้ สบายใจและไม่เป็นหนี้ตกค้างกับเราอีก เขาจะไม่มีกรรมในส่วนนี้
เรื่องของอกุศลกรรมข้อที่ ๒ อทินนาทาน เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนมาก โดยองค์ของกรรมบถจะอยู่ที่เจตนาของผู้กระทำเป็นหลัก แต่บางกรณี เช่น การยืมของ ยืมเงินการจะครบองค์กรรมบถก็อยู่ที่เจ้าของเงินด้วยเช่นกัน ในอรรถกถาท่านอธิบายว่าถ้าเจ้าของเงินทอดธุระ คือรู้ว่าคนที่ยืมเงินไปไม่คืนเงินแน่ๆ จึงไม่คิดตามทวงอีกอทินนาทานครบองค์ตรงนี้ แต่ในกรณีที่ผู้ถามยกมา การพูดยกหนี้ให้เขา ก็เป็นการดี คือไม่ครบองค์กรรมบถ สำหรับผู้ยืมเงินโดยไม่คิดจะใช้คืน สรุปคือควรบอกให้เขารับรู้ครับ
ขออนุโมทนา ในกุศลจิต กรณีแบบนี้ดิฉันก็ประสบมาแล้ว ให้เงินคนยืม เพราะความสงสาร ผู้ยืมก็บอกว่าจะใช้ ก็ไม่ยอมใช้ให้ ตั้งแต่ปี 2540 ดิฉันก็ทำใจแล้ว คือใช้หรือไม่ใช้ก็แล้วแต่บุญกรรม
ผู้ใดไม่มีศรัทธา ไม่มีหิริ ไม่มีโอตตัปปะ พอกพูนบาปกรรม
กระทำกายทุจริต วจีทุจริต และมโนทุจริต ย่อมปรารถนา ย่อมดำริว่าคนเหล่าอื่นอย่ารู้จักเรา พอกพูนบาปกรรมในที่นั้นๆ อยู่ บ่อยๆ ด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจเราตถาคตย่อมกล่าวว่า เป็นทุกข์เหมือนอย่างนั้น เขาผู้บาปกรรม มีปัญญาทรามทราบความชั่วของตนอยู่ เป็นคนจน มีหนี้สิน
ขอสารภาพว่า ในกรณีนี้ผมเป็นเก่งในการมีหนี้และเป็นเจ้าหนี้ ในขณะเดียวกันผู้เป็นเจ้าหนี้ผมก็ไม่เคยถวงถาม มีแต่บอกว่าไว้ให้สบายๆ แล้วค่อยว่ากัน ส่วนผู้ที่เป็นลูกหนี้ผมก็ไม่เคยถวงถามเช่นกัน ผมอยู่ในสังคมซุกซน หนี้ก็เป็นหนี้ซุกซน ผู้ที่เป็นเจ้าหนี้เขามีทรัพย์แยะไม่เดือดร้อน ส่วนผู้ที่เป็นลูกหนี้ผมมีทรัพย์น้อย แล้วอย่างนี้ต่างคนต่างไม่ทวงครบองค์ไหมครับ แล้วตอนนี้เศรษฐกิจไม่ดี ถ้าตายไปก่อนทีจะใช้หนี้จะเป็นยังไงครับ เกิดใหม่ก็จะมีอกุศลวิบากที่เสียทรัพย์และได้ทรัพย์เคล้ากันไปใช่ไหม ครับ
ถ้าเจ้าหนี้ยกหนี้ให้ ก็ไม่เป็นไรค่ะ แต่ถ้าเจ้าหนี้ไม่ได้ยกหนี้ให้ แล้วเรามีเจตนาที่คิดจะไม่คืนเงินเขา ปกปิดไว้ ศีลข้อสองก็ขาด เป็นอทินนาทาน ถ้ากรรมนั้นให้ผลก็ตกนรก และภายหลังวิบากอย่างเบากลับมาเกิดเป็นมนุษย์ ทำให้เป็นคนยากจนขัดสนทรัพย์ค่ะ
ขอบคุณ คุณวรรณณีความเห็นที่ ๗ โอกาสที่จะตกนรกก็อยู่แค่เอื้อมสิครับ แต่ยังดี ผมไม่ได้คิดจะไม่คืนแต่ยังไม่มีและไม่ปกปิด ถ้าจะขัดสนทรัพย์แล้วผู้ที่เป็นลูกหนี้ผม แล้วไม่ใช้ก็จะให้ผมพอมีทรัพย์บ้าง ก่อนอื่นในสังคมผมควรทราบว่าหนี้ที่เกิดจากการซุกซนส่วนใหญ่ เขาถือกันเป็นหนี้เล่นๆ ครับ มีก็ใช้ ไม่มีก็แล้วไป สังเกตได้จากการไม่ทวง แต่ก็เป็นหนี้จริงๆ ถ้าจะตกนรกก็ต้องยอมเพราะทำเต็มที่แล้วกลับไปเยืยมบ้านเก่าอีกที่จะเป็นไร ครับ
ที่น่ากลัวกว่า คือ การเป็นหนี้กิเลสครับ ทุกคนที่ไม่ใช่พระอรหันต์ เป็นหนี้กันทั้งหมดใครจะเป็นมากเป็นน้อยก็ตามแต่ ขึ้นชื่อว่า "มีหนี้" จิตใจก็ย่อมจะเศร้าหมอง มีมลทินเพราะยังมีกิเลส เจตนาที่จะไม่ใช้หนี้คืนก็เพราะกิเลสอีกเหมือนกัน เป็นการเพิ่มหนี้ให้พอกพูนในจิตมากยิ่งขึ้นไปอีก ถ้าได้โอกาสครบกรรมบถ เจ้าหนี้ (กิเลส) เค้าก็จับส่งเข้าตารางได้เหมือนกัน คือพาไปเยือนอบายภูมิ ถ้าลูกหนี้นั้นยังเป็นปุถุชน สังสารวัฏฏ์ก็จะยังดำเนินไปสู่ทุคติบ้าง สุคติบ้าง เป็นอันหวังได้ว่าจะไม่นอกไปจากนี้
ขอขอบพระคุณอาจารย์ และขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะจะได้รีบดำเนินการขจัดหนี้ทั้งในกายและนอกกายต่อไปค่ะ
ขออนุโมทนา ในกุศลจิต ในกรณีนี้ดิฉันอยากทราบเหมือนกัน เพราะแฟนดิฉันเป็นคนหนึ่ง ที่ถูกเพื่อนที่ร่วมงานยืมเงินแล้วโดนชิ่ง หรือไม่ก็ไม่คืนเฉยๆ โดนบ่อยแต่ก็ขี้สงสาร เอ็นดูเค้าเอ็นเราขาด ในกรณีนี้ควรทำยังไงดีค่ะ ยกหนี้อโหสิดรรมให้เค้า หรือยังไงดีเครียดมาก มืดไปหมด หรือเป็นผลมาจากกรรมอะไรหรือป่าว
เรียนความเห็นที่ 11 ครับ
การให้อภัย ควรมี ส่วน การใช้หนี้ ก็ควรใช้วิธีประนีประนอม ครับ เราสามารถบอกเขาได้ ว่าเมือไหร่จะใช้คืน แต่ไม่หวังว่าเขาจะใช้คืนหรือไม่ อย่างน้อย เราก็เป็นมิตรกับเขา โดยไม่โกรธ เพราะ ไม่ลืมว่า การไม่ไ้ดคืน เสียทรัพย์ ก็ไม่พ้นจากผลของกรรมที่ไม่ดีของเรา ครับ