ไม่มีใครทำให้ เกิดมาได้อย่างไร
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ท่านผู้ฟัง เรื่องกรรมและผลของกรรมสมมติว่า ผมถูกทำร้าย และได้รับบาดเจ็บ ผมก็รับกรรมแต่ผู้ที่มาทำร้ายผม เขาเป็นอะไร
ท่านอาจารย์ คนที่ทำร้ายคนอื่น เป็นอกุศลจิต และ อกุศลกรรมผล ก็คือ ทำให้ได้รับผลของกรรม เหมือนอย่างที่เขาทำร้ายผู้อื่นและผู้ที่ถูกทำร้าย ก็ต้องทำกรรมที่ไม่ดีมา ถ้าไม่ได้ทำกรรมที่ไม่ดีมา ใครก็ทำร้ายเขาไม่ได้
ท่านผู้ฟัง แล้วทำไมถึงต้องเป็นเขา
ท่านอาจารย์ เพราะว่าไม่มี "คน" ที่เรากำลัง "คิดความจริง "คน" ไม่มี ถ้ามี ก็เป็นอัตตา"คน" เป็นเพียงสภาพธรรม ที่เกิดแล้วก็ดับไป สืบต่อไปๆ
เพราะฉะนั้น แต่ละคนก็อยู่ในโลกคนละใบ
ขณะแรกเกิดไม่เห็น ไม่ได้ยิน ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ลิ้มรส ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ไม่คิดนึกเพราะฉะนั้น จิตขณะแรก เป็นผลของกรรม
เกิดมาได้อย่างไร ถ้าไม่มีกรรมแล้ว แต่ว่าจะเป็นกรรมหนึ่งกรรมใด ที่ได้กระทำไว้มากมายในสังสารวัฏฏ์กรรมทั้งหมด ที่ได้กระทำแล้วในชาตินี้ และชาติก่อนๆ กรรมที่กระทำแล้ว พร้อมที่จะทำให้เกิดได้ เมื่อกรรมยังไม่สิ้นสุดที่จะให้ผล เพราะฉะนั้น ในขณะแรกเกิด ก็ไม่มีใครทำให้
ขณะที่ปฏิสนธิจิตดับ แล้วภวังคจิตเกิด ใครก็บังคับไม่ได้จนกว่าจะมีจักขุประสาท ซึ่งเป็นรูปที่เกิดจากกรรม ที่ทำให้เกิดการเห็น กรรมทำให้เกิด ตา หู จมูก ลิ้น กาย เพื่อที่จะรับผลของกรรมต่อไป แต่ "ใจ" คิดเป็นคน คิดเป็นเรื่องราวความจริง คนไม่มี มีแต่สภาพธรรมที่เป็น "จิต" คือ กรรม และผลของกรรม
ขออนุโมทนา
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงนั้น เป็นความจริง เป็นสัจจธรรม ที่ทำให้ผู้ที่ได้ฟัง ได้ศึกษา มีปัญญา เข้าใจถูก เห็นถูกตามความเป็นจริง ธรรมไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใคร
สำหรับเรื่องกรรม และผลของกรรม ย่อมไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริง เจตนาเป็นกรรม เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป กรรมที่ได้กระทำแล้ว เมื่อได้โอกาสที่จะทำให้ผลเกิดขึ้นผลก็เกิดขึ้น ขณะที่เห็นสิ่งที่น่าปรารถนาบ้าง ไม่น่าปรารถนาบ้าง ได้ยิน ได้กลิ่น ลิ้มรส รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ที่น่าปรารถนาบ้าง ไม่น่าปรารถนาบ้าง เป็นวิบากจิตในชีวิตประจำวัน เป็นผลของกรรมที่ได้กระทำแล้ว ทั้งนั้น ไม่มีใครทำให้ และ เลือกไม่ได้ด้วย
ขอเชิญคลิกอ่าน เพื่อความเข้าใจเพิ่มเติม ...
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
ผู้ทำร้ายผู้อื่น หมายถึง ได้จงใจหรือเจตนากระทำอกุศลกรรม ซึ่งจะต้องได้รับผลของกรรมในอนาคตแน่นอน ส่วนผู้ที่กำลังได้รับผลของกรรมอยู่ไม่ว่าจะเจ็บป่วย สูญเสียสิ่งที่รัก หรือ เสื่อมลาภอยู่ ก็ไม่ต้องโทษใครเลย แต่เป็นเพราะอกุศลกรรมที่เคยกระทำไว้แล้ว ฉะนั้น ในชีวิตปัจจุบันทุกๆ ขณะที่กำลังเป็นไปได้เห็น ได้ยิน ซึ่งเป็นผลของกรรม หลังจากเห็น ได้ยิน เป็นต้น จิตที่เกิดต่อจะเป็นอกุศลเป็นส่วนใหญ่ โลภะบ้าง โทสะบ้างสะสมต่อไปในจิตที่เกิดต่อทุกๆ ขณะจนมีกำลังมากขึ้นเป็นเหตุให้กระทำอกุศลกรรม สิ่งที่เกิดขึ้นจึงเป็นเพียงจิต เจตสิก รูป ที่เกิดดับสืบต่อกันอย่างรวดเร็วตลอดเวลา เป็นกรรมบ้าง ผลของกรรมบ้าง จึงไม่มีใครทำ มีแต่เพียงสภาพธรรมเท่านั้น
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอถวายความนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ที่พึ่งอันเกษมสูงสุดของข้าพเจ้า
ไม่มีเหตุย่อมไม่มีผล
เป็นผู้ที่มักประสบอุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ บ่อยๆ เช่น เดินชน เดินสะดุดล้ม หัวชนทั้งที่กะระยะแล้วว่าไม่ชน ไม่ได้มีใครทำให้ ทำไว้เอง เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ต้องเคยทำไว้แน่นอน
ขออนุโมทนาคุณพุทธรักษา
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ