ระลึกนึกถึงกิจที่ทำและคำที่พูดแม้นานได้

 
WS202398
วันที่  17 พ.ย. 2551
หมายเลข  10417
อ่าน  1,756

[เล่มที่ 38] พระสุตตันตปิฎก อังคุตตรนิกาย ทสก-เอกาทสกนิบาต เล่ม ๕- หน้าที่ ๑๖๖

และกัน ทำให้เป็นที่รัก ที่เคารพกัน ย่อมเป็นไปเพื่อความสงเคราะห์กันและกัน ไม่วิวาทกัน สามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน.

อีกประการหนึ่ง ภิกษุเป็นผู้มีสติคือ ประกอบด้วยสติเป็นเครื่องรักษาตนอย่างยิ่ง ระลึกนึกถึงกิจที่ทำและคำที่พูดแม้นานได้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ข้อที่ภิกษุเป็นผู้มีสติ ฯลฯ นี้ เป็นธรรมที่ตั้งแห่งความระลึกถึงกันและกัน ทำให้เป็นที่รักที่เคารพกัน ย่อมเป็นไปเพื่อความสงเคราะห์กันและกัน ไม่วิวาทกัน สามัคคีเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน.

ภิกษุ เป็นผู้มีสติคือ ประกอบด้วยสติเป็นเครื่องรักษาตนอย่างยิ่ง ระลึกนึกถึงกิจที่ทำและคำที่พูดแม้นานได้ นั้น สติในที่นี้มีนัยต่างจากสติปัฎฐานอย่างไรครับ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 17 พ.ย. 2551

ในที่นี้ท่านแสดงกิจของสติ คือระลึกได้ ไม่หลงลืม ไม่เลอะเลือน สติในขั้นทาน ขั้นศีล ขั้นสมถะ ขั้นวิปัสสนา ย่อมมีกิจเดียวกันแต่โดยทั่วไปเมื่อกล่าวถึงสติ ก็มุ่งหมายถึงสติปัฏฐานนั่นเองครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
opanayigo
วันที่ 17 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
เมตตา
วันที่ 18 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Komsan
วันที่ 18 พ.ย. 2551
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
paderm
วันที่ 18 พ.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

สติเป็นธรรมฝ่ายดีเกิดกับกุศลทั้งขั้นทาน ศีล ภาวนา จะไม่เกิดกับอกุศลเลย ขณะใดที่กุศลเกิดก็ต้องมีสติเกิดร่วมด้วย ซึ่งคำว่า ระลึกนึกถึงกิจที่ทำและคำที่พูดแม้นานได้ ต้องเป็นการนึกในเรื่องใดก็ตามจิตเป็นกุศล ไม่ใช่นึกเรื่องอะไรแล้วจำได้จะหมายถึงมีสติ เพราะนึกจำได้แต่เป็นอกุศลจิตก็ไม่มีสติครับ เพราะสติเกิดกับธรรมฝ่ายดี

สติเป็นเครื่องกั้นกระแสของกิเลสที่เกิดขึ้น จึงเป็นธรรมเครื่องรักษาตน รู้ว่ากิจใดควรทำไม่ควรทำกับบุคคลต่างๆ ด้วยจึงทำให้สามัคคี ไม่ทะเลาะวิวาทกันเพราะระลึกในทางที่ถูก ระลึกว่าสิ่งใดไม่ควรทำ เป็นต้น ซึ่งสติก็เกิดกับกุศลทุกประเภท ขณะที่สติปัฏฐานเกิดย่อมรู้ว่าขณะใดเป็นอกุศล เป็นกุศล รู้ว่าเป็นธรรม รู้ตามความเป็นจริง เมื่อปัญญาเกิดอันมีสติเกิดร่วมด้วยก็ย่อมรู้ว่าสิ่งใดควร ไม่ควร เช่นกัน ย่อมเป็นเหตุให้มีความสามัคคี ไม่ทะเลาะวิวาทด้วยครับ ดังนั้น กุศลทุกระดับที่มีสติจึงมีอุปการะทั้งนั้น

ขออนุโมทนาครับ อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
พุทธรักษา
วันที่ 18 พ.ย. 2551

สติ ทำหน้าที่ระลึกรู้สิ่งที่กำลังปรากฏสิ่งที่กำลังปรากฏ เป็นฐานของสติ (เรียกว่า อารมณ์ของสติ ก็ได้) อารมณ์ของสติ ถ้าไม่ใช่นามธรรม (สภาพรู้) ก็ต้องเป็นรูปธรรม (สภาพที่ไม่รู้)


สติปัฏฐาน มีความหมาย ๓ อย่าง ตามนัยอรรถกถามหาสติปัฏฐานสูตร คือ

๑. อารมณ์ ซึ่งมี ๔ อย่าง ได้แก่ กาย เวทนา จิต ธรรม

๒. สติเจตสิก ซึ่งเป็นสภาพที่ระลึกที่กาย เวทนา จิต หรือธรรม

๓. ข้อปฏิบัติ ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเหล่าพระสาวกทรงดำเนินไปแล้ว

ข้อมูลจาก "ธัมมนิทเทส"

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
WS202398
วันที่ 20 พ.ย. 2551

ขอขอบคุณ ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
คุณ
วันที่ 21 พ.ย. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
pornpaon
วันที่ 21 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ . . .

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ