พระพุทธเจ้าไม่ได้ทรงบังคับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
โดยมากจะมีคนมาถาม เหมือนจะขอคำแนะนำหรือเกือบจะเป็นกฏ คือถ้าบอกไปแล้ว ก็อยากจะทำให้เป็นอย่างนั้น ให้เป็นอย่างนี้ แต่ว่าจริงๆ นี้นะคะ ทำได้ไหม ถ้าบอกให้คิดอย่างนี้ทุกวัน ทุกนาทีได้ไหมคะ ไม่ได้
เพราะฉะนั้น พระธรรมที่ทรงแสดงไว้ไม่ได้บอกว่าให้เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้แต่ทรงแสดงตามความเป็นจริง ให้เห็นความเป็นอนัตตา
สิ่งที่ถูก ก็ทรงแสดงโดยละเอียด ว่าสิ่งที่ถูกคืออย่างนี้คนที่รู้แล้ว จะประพฤติปฏิบัติตามได้เมื่อไร โอกาสไหน มากน้อยเท่าไรเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลค่ะ ไม่ใช่ข้อบังคับ เช่น อย่าดื่มเหล้า
คำว่า "สมาทาน" ถือเอาเป็นข้อประพฤติปฏิบัติด้วยเจตนา
ไม่ใช่ข้อบังคับเลยค่ะทรงแสดงว่า ศีล มีเท่าไรถ้าจะขัดเกลายิ่งขึ้น ไม่เบียดเบียนใครจะขัดเกลายิ่งขึ้น โดยศีล ๘ หรือมากกว่านั้นขึ้นอยู่กับกาละ ขึ้นอยู่กับการสะสม ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยทั้งๆ ที่รู้ ก็เกิดอกุศลได้ ก็ลองคิดดูผู้ที่ละชั่วได้สมบูรณ์ คือพระโสดาบัน
ถ้ามีความเข้าใจ เรื่องอนัตตา จะเข้าใจ คำสอนของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าว่าไม่ได้ทรงบังคับ ทรงแสดงความลึกซึ้งของธรรมะทรงแสดงความเป็นอนัตตา โดยละเอียดให้ค่อยๆ เข้าใจขึ้น ให้เห็นด้วยปัญญาจริงๆ ว่า ธรรมฝ่ายดีคืออย่างไรเมื่อมีปัญญา ก็โน้มไปเองที่จะประพฤติปฏิบัติตามและรู้ว่า เวลาไหนที่อกุศลเกิด ก็คืออนัตตาบังคับบัญชาไม่ได้
บรรยายโดยอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนา
เมื่อไม่มีปัญญา ย่อมโน้มไปหา...อกุศลแต่เมื่อมีปัญญา ย่อมโน้มไปหา...กุศล
...ขออนุโมทนาครับ...
ทรงแสดงความลึกซึ้งของธรรมะทรงแสดงความเป็นอนัตตา โดยละเอียดให้ค่อยๆ เข้าใจขึ้น ให้เห็นด้วยปัญญาจริงๆ ว่า ธรรมฝ่ายดีคืออย่างไรเมื่อมีปัญญา ก็โน้มไปเองที่จะประพฤติปฏิบัติตามและรู้ว่า เวลาไหนที่อกุศลเกิด ก็คืออนัตตาบังคับบัญชาไม่ได้.
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของคุณพุทธรักษาค่ะ
ขออนุโมทนาทุกท่านค่ะ