พระพุทธเจ้าทรงแสดงหนทาง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ถ้าไม่มีจิต ไม่มีเจตสิก ไม่มีรูป ก็ไม่ปรากฏสภาพรู้ ถ้ามีเพียงแต่รูป ดิน น้ำ ลม ไฟ ลม สี กลิ่น รสต่างๆ แต่ไม่มีจิตรู้ สภาพธรรมเหล่านั้น ก็ไม่ปรากฏ
เพราะฉะนั้น ต้องมีสภาพรู้คือ จิต และ เจตสิก ซึ่งเกิดพร้อมกันแล้วรู้ สิ่งที่ปรากฏทาง ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ พอรู้แล้วก็ติดค่ะ...ไม่มีใครที่ไม่ติด
ยากแสนยากที่จะละได้ลองคิดถึงโลภะ ความติดข้อง ความสนุกความเพลิดเพลิน ไม่ว่าในสิ่งใดขณะที่ความติดข้อง กำลังมีนี้...ละได้ไหม เป็นไปได้ไหม ที่โลภะจะดับหมด ไม่เกิดอีกเลย เป็นสมุจเฉท
แต่พระธรรมที่ทรงแสดงไว้ จากผู้ที่ตรัสรู้ แล้วละอกุศลได้ทั้งหมด ไม่เกิดอีกเลย พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ทรงแสดง "หนทาง"หนทางที่จะเป็นเหตุให้แม้บุคคลอื่น ก็สามารถที่จะอบรมเจริญปัญญาจนกระทั่งสามารถที่จะรู้แจ้งอริยสัจจธรรม ดับกิเลสได้ ตามลำดับด้วยแต่ไม่ใช่เรื่องง่าย
บรรยายโดยอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขออนุโมทนา
บรรดาทางทั้งหลายทางมีองค์ ๘ ประเสริฐสุดบรรดาสัจจะทั้งหลายบท ๔ ประเสริฐสุดบรรดาธรรมทั้งหลายวิราคธรรม ประเสริฐสุดและบรรดาสัตว์ ๒ เท้าทั้งหลายพระพุทธเจ้า ผู้มีจักษุ ประเสริฐสุด
ขอถวายความนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย ที่พึ่งอันเกษมสูงสุดของข้าพเจ้า
[เล่มที่ 22] พระสุตตันตปิฎก มัชฌิมนิกาย อุปริปัณณาสก์ เล่ม ๓ ภาค ๑ หน้าที่ 149 ข้อความบางตอนจาก.. คณกโมคคัลลานสูตร
[๑๐๓] พ. ดูก่อนพราหมณ์ ฉันนั้นเหมือนกันแล ในเมื่อนิพพาน ก็มีอยู่ ทางไปนิพพานก็มีอยู่ เราผู้ชักชวนก็มีอยู่ แต่ก็สาวกของเราอันเราโอวาทสั่งสอนอยู่อย่างนี้ บางพวกเพียงส่วนน้อย สำเร็จนิพพานอันมีความสำเร็จล่วงส่วน บางพวกก็ไม่สำเร็จ ดูก่อนพราหมณ์ ในเรื่องนี้ เราจะทำอย่างไรได้ ตถาคตเป็นแต่ผู้บอกหนทาง
ที่มาจาก : ธรรมทัศนะ
ยากแสนยากที่จะละได้ลองคิดถึงโลภะ ความติดข้อง ความสนุกความเพลิดเพลิน ไม่ว่าในสิ่งใดขณะที่ความติดข้อง กำลังมีนี้...ละได้ไหม.?เป็นไปได้ไหม.?ที่โลภะจะดับหมด ไม่เกิดอีกเลย เป็นสมุจเฉท.
หากเข้าใจถูก เจริญเหตุถูก ย่อมเป็นไปได้
แต่...ยากแสนยาก นานแสนนาน จริงๆ ค่ะ
...จิรกาลภาวนา...
ขอบพระคุณมากค่ะ
ขออนุโมทนาคุณพุทธรักษา
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ทุกขอริยสัจจ์ทรงรู้แจ้งเหตุให้เกิดทุกข์ ทรงรู้แจ้งธรรมที่ดับทุกข์ทรงรู้แจ้งหนทางปฏิบัติที่ทำให้บรรลุธรรมที่ดับทุกข์
ที่เรารู้ทุกข์นี้เรารู้ทุกข์ธรรมดาสามัญ เช่นเจ็บป่วยก็เป็นทุกข์ นั่งเมื่อยก็เป็นทุกข์ หิวก็เป็นทุกข์ บุคคลทั่วไปรู้ว่าโลกนี้มีทุกข์อย่างนี้เท่านั้น ซึ่งก็เป็นธรรมดา
แต่ว่าพระอริยเจ้านั้นท่านรู้สภาพซึ่งเป็นทุกข์ที่แท้จริง คือ รู้ทุกขอริยสัจจ์รู้ลักษณะที่เกิดขึ้นและดับไปของสภาพธรรมทั้งหลายที่ปรากฏ