จะไม่เป็นเราได้อย่างไร ตอนที่ ๒

 
สารธรรม
วันที่  23 พ.ย. 2551
หมายเลข  10475
อ่าน  1,220

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ข้อความบางตอนจาก แนวทางเจริญวิปัสสนา ครั้งที่ ครั้งที่ ๗๒๐

บรรยายโดย ...ท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์


... จะไม่เป็นเราได้อย่างไร ตอนที่ ๒ ...

ท่านอาจารย์ แท้ที่จริงสภาพธรรมนั้น เกิดปรากฏแล้วก็หมดไปอีก หมดไปเรื่อยๆ ทุกขณะ เราจะอยู่ที่ไหนดี มีที่อยู่ไหมคะ?

ถาม เรานี่มันก็ทั้งตัว ทั้งหมดมันก็เป็นเรา ไม่ทราบอย่างไร คือถ้าสมมติว่าตัวเราไม่มี แล้วที่มีชีวิตอยู่นี่อะไรคะ?

ท่านอาจารย์ การเจ็บ การเห็น การได้ยิน การคิดนึก ความดี ความชั่ว เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่าง เกิดขึ้นปรากฏแล้วก็หมดไป ขณะใดที่จิตใดเป็นกุศล ขณะนั้นไม่มีอกุศลเกิดพร้อมกัน ร่วมกันในขณะนั้น กุศลต้องดับไปเสียก่อน แล้วอกุศลจึงจะได้เกิดขึ้น ความรู้สึกเจ็บต้องดับไปเสียก่อน ความรู้สึกสบายจึงจะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้น สภาพธรรมที่ปรากฏที่ยึดถือว่าเป็นเรานี้ ก็ชั่วขณะที่ปรากฏสั้นมาก เกิดขึ้นแล้วก็หมดไปๆ ๆ อยู่ตลอดเวลา เพราะฉะนั้น เราน่ะอยู่ที่ไหน ในเมื่อเกิดปรากฏแล้วหมดไปๆ ๆ อยู่เรื่อย

ถาม ไม่เข้าใจค่ะ

ท่านอาจารย์ แข็งเพียงแข็งเท่านั้น ใช่ไหมคะ เปลี่ยนแข็งให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ ถ้ากระทบสัมผัสสิ่งที่แข็ง แข็งปรากฏ ลักษณะจริงๆ คือแข็ง แต่ความคิดนึก ยึดถือแข็งเป็นโต๊ะ เป็นเก้าอี้ เป็นคน เป็นวัตถุต่างๆ แต่ลักษณะจริงๆ คือแข็ง ถูกไหมคะ? เท่านั้นเองนะคะ ไหนล่ะเราแข็ง แข็งก็คือเรา พอสัมผัสกระทบอะไรที่แข็งทั้งหมดก็เป็นเราไปทั้งหมด ซิคะ

ถาม สมมติว่า "ไม่ใช่เรา" อย่างคนเราที่ทำมาหากินเพื่ออะไรคะ ไม่มีตัวเรา ก็ไม่ต้องทำอะไรเลยหรือคะ?

ท่านอาจารย์ เกิดมาแล้วตามเหตุตามปัจจัย ละหรือดับไม่ได้ ถ้าไม่ดับ เหตุปัจจัย เข้าใจไหมคะ เกิดมาแล้วจะทำลายสิ่งที่เกิดเพราะเหตุปัจจัยให้หมดไปได้อย่างไร ได้ยินอย่างนี้ ห้ามไม่ให้ได้ยินอย่างไร ได้ยินเกิดแล้วนี่ จะห้ามไม่ให้ ได้ยินได้อย่างไร เพราะมีปัจจัยให้เกิดได้ยินขึ้น ได้ยินก็เกิดขึ้นแล้วก็หมดไปแล้ว จะให้ไม่หมดก็ไม่ได้ เพราะฉะนั้น ยับยั้งอะไรไม่ได้ ต้องเป็นไปตามเหตุปัจจัย ใครจะเรียนแพทย์ ใครจะเรียนวิชาอะไร ใครจะคิดอย่างไร ใครจะพูดอย่างไร ใครจะทำอย่างไร ก็เป็นเรื่องของเหตุปัจจัย สภาพธรรมที่เกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัย ไม่ใช่เรา ไปทำนะคะ ไม่มีเราเลย มีแต่สภาพธรรมที่เห็น แล้วก็คิด นึก เป็นเรื่องราวต่างๆ ได้ยินแล้วก็คิดนึกเป็นเรื่องเป็นราวต่างๆ เพราะฉะนั้น ชีวิตจริงๆ เต็มไปด้วยเรื่องราว เต็มไปด้วยตัวตน ถ้าเอาเรื่องราวทั้งหมดออกไป จะมีตัวตน มีสัตว์ มีบุคคลไหมคะ? เห็นแล้วก็ไม่คิดถึงเรื่องราวต่างๆ ได้ยินหมดไปแล้ว ก็หมดไป ไม่คิดถึงเรื่องราวต่างๆ จะมีตัวตน จะมีเรา ได้ไหม? ได้ยินหมดไปแล้วนี่คะ ไม่ต้องไปตามคิด คนนั้นพูด คนนี้พูด เพราะได้ยินเท่านั้นปรากฏ แล้วก็หมดไป จะมีตัวตนได้อย่างไร ถ้าไม่มีเรื่องราว แต่เมื่อเห็นแล้ว ก็คิดถึงสิ่งที่เห็น เป็นเรื่องเป็นราว พอได้ยินก็คิดถึงสิ่งที่ได้ยินเป็นเรื่องเป็นราว เพราะฉะนั้น เรื่องราวทำให้เกิดความยึดถือว่าเป็นตัวตนขึ้น


พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสต่อไปว่า ...

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง?

ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.

พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?

ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.

พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา บุคคลพึงตามเห็นว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวตนของเรา เพราะไม่อาศัยสิ่งนั้นบ้างหรือ.

ภิ. ไม่ใช่เช่นนั้น พระเจ้าข้า.

พ. เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง?

ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.

พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?

ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.

พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา บุคคลพึงตามเห็นว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวตนของเรา เพราะไม่อาศัยสิ่งนั้นบ้างหรือ?

ภิ. ไม่ใช่เช่นนั้น พระเจ้าข้า.

พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.

(ข้อความบางตอนจาก)

๒. เอตังมมสูตร

ขอเชิญคลิกอ่านได้ที่ ...

เหตุแห่งการยึดมั่นว่าเป็นของเรา [เอตังมมสูตร]

ขออุทิศส่วนกุศลแด่สรรพสัตว์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
จำแนกไว้ดีจ๊ะ
วันที่ 23 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
พุทธรักษา
วันที่ 23 พ.ย. 2551

พ. เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง?

ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.

พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า?

ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.

พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา บุคคลพึงตามเห็นว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวตนของเรา เพราะไม่อาศัยสิ่งนั้นบ้างหรือ?

ภิ. ไม่ใช่เช่นนั้น พระเจ้าข้า.

พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯกิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 23 พ.ย. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
Noparat
วันที่ 24 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 24 พ.ย. 2551

ทุกๆ ขณะที่เกิดขึ้น มีแต่เพียงสภาพธรรมที่ปรากฎเกิดขึ้นและดับไปอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ แต่เมื่อยังมีความไม่รู้ขณะเห็น ได้ยิน..........ก็คิดนึกเป็นเรื่องราวต่างๆ เพราะฉะนั้น เรื่องราวทำให้เกิดความยึดถือว่าเป็นตัวตนขึ้น

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
orawan.c
วันที่ 24 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาค่ะ และขอเชิญคลิกอ่านเพิ่มเติมที่........

ไม่มีเราแล้วมีอะไร?

ไม่มีเราบรรลุเลย

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pornpaon
วันที่ 25 พ.ย. 2551

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะทุกท่านค่ะ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ