มีความสุขจากความว่างเปล่า เป็นปัญญาใช่หรือไม่

 
ธีรพล
วันที่  24 พ.ย. 2551
หมายเลข  10487
อ่าน  2,701

ผมบริจาคโลหิตทุกๆ 3 เดือน ผมมีเจตนาสูงสุดในการหลุดพ้นไปจากสังสารวัฎ โดยพิจารณาว่าขอคืนโลหิตนี้ให้กับแผ่นดิน เพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย ผมพิจารณาลงไปว่าโลหิตประกอบด้วยธาตุทั้ง 4 ก็ คือ ชีวิตของเรานั่นเอง ในระหว่างนั้นเกิดความปลอดโปร่ง อิสระจากเครื่องพันธนาการทั้งปวง มีแต่ความว่างเปล่า เบา สบาย จิตฮึกเหิมมีกำลังมาก จะเปรียบก็ประมาณเวลาที่เราทำสมาธิแล้ว จิตใจเราสบาย เบา ปลอดโปร่ง เหมือนกายจะลอยได้ปานนั้น จึงอยากถามว่าปัญญาที่เกิดขึ้นนั้น เป็นปัญญาที่เกี่ยวข้องกับปัญญาในวิปัสสนาหรือไม่

ขอขอบคุณครับ


Tag  ปัญญา  
  ความคิดเห็นที่ 1  
 
chatchai.k
วันที่ 24 พ.ย. 2551

ความเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง จึงเป็นปัญญานะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 24 พ.ย. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

ปัญญาคือ การรู้ถูกต้องตามความเป็นจริง ซึ่งปัญญาก็มีหลายระดับ ปัญญาที่เชื่อกรรมและผลของกรรรม ปัญญาขั้นสมถภาวนาและปัญญาขั้นวิปัสสนาภาวนา สภาพธรรมมีมากมายหลายประเภท ปัญญารู้ตามความเป็นจริงแต่ไม่ใช่มีลักษณะเบาหรือสบายใจ ดังนั้นไม่ได้หมายความว่าเมื่อเกิดความรู้สึกเบา สบายใจ ปลอดโปร่งจะเป็นเสิ่งตัดสินว่าเป็นปัญญาครับ ซึ่งลักษณะเบา สบายใจเป็นเวทนาเจตสิก (ความรู้สึก) เวทนาเจตสิกสามารถเกิดร่วมกับสภาพธรรมที่เป็นอกุศลหรือกุศลก็ได้ แม้เกิดกับโลภะความติดข้องก็มีลักษณะเบา สบายใจปลอดโปร่งด้ แต่ประการสำคัญที่สุดคือ หากเป็นเรื่องของปัญญาจริงๆ แล้วต้องรู้ในขณะนั้น ขณะนั้นเกิดความรู้สึกอย่างนั้น ขณะนั้นปัญญารู้อะไร มีความเข้าใจอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ หรือว่าขณะนั้นไม่ได้เกิดปัญญาที่รู้ความจริงเพิ่มขึ้นกลับเพิ่มความสงสัยว่าคืออะไรกันแน่ในสิ่งที่เกิดขึ้น แสดงให้เห็นว่าหากเป็นปัญญาจริงๆ ย่อมรู้ในขณะนั้นและที่สำคัญรู้ตามความเป็นจริงของสภาพธรรมโดยถูกต้องซึ่งเริ่มจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจที่ถูกต้องครับ ขอให้เริ่มจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจก่อนว่า ธรรมคืออะไร ปัญญาคืออะไรเพราะไม่เช่นนั้นก็จะปะปนสับสนเอาสภาพธรรมอื่นมาเป็นปัญญาครับ

ขออนุโมทนา อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
orawan.c
วันที่ 24 พ.ย. 2551

ปัญญาขั้นวิปัสสนา การหลุดพ้นจากสังสารวัฏฏ์และอีกหลายคำที่ใช้ในคำถาม ล้วนมีความหมายที่ลึกซึ้ง ยากแก่การเข้าใจ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพยัญชนะที่พระพุทธองค์ทรงใช้อธิบายลักษณะของความจริงที่ควรศึกษาโดยเริ่มต้นจากการฟังหรืออ่านให้เข้าใจ และสามารถค้นคว้าจากเมนูต่างๆ ในเว็ป.นี้ค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 24 พ.ย. 2551

คำถามของท่าน แสดงให้เห็นว่าท่านมีข้อสงสัยที่น่าใฝ่หาคำตอบให้ได้เพื่อความกระจ่างให้ตนเอง อันจะเป็นประโยชน์มาก ข้าพเจ้าเอง เคยมีคำถามที่เคยอยากถามมากมาย แต่เมื่อได้ฟังและศึกษาธรรมจากที่นี่แล้ว พบว่าความสงสัยที่เคยอยากถามลดลงไปมาก ด้วยมีความเข้าใจด้วยตนเองมากขึ้นนั่นเองครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
พุทธรักษา
วันที่ 24 พ.ย. 2551

ข้าพเจ้าเอง เคยมีคำถามที่เคยอยากถามมากมาย แต่เมื่อได้ฟังและศึกษาธรรมจากที่นี่แล้ว พบว่าความสงสัยที่เคยอยากถามลดลงไปมาก ด้วยมีความเข้าใจด้วยตนเองมากขึ้นนั่นเองครับ เช่นกันค่ะ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
saowanee.n
วันที่ 24 พ.ย. 2551

".....จึงอยากถามว่าปัญญาที่เกิดขึ้นนั้น เป็นปัญญาที่เกี่ยวข้องกับปัญญาในวิปัสสนาหรือไม่..."

ถ้าเป็นปัญญาจริงๆ จะไม่สงสัยอย่างนี้ค่ะ.....เพราะปัญญาคือความรู้ ไม่ใช่ความไม่รู้ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
suwit02
วันที่ 25 พ.ย. 2551

ที่นี่น่ารื่นรมย์

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
คุณ
วันที่ 25 พ.ย. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
เมตตา
วันที่ 25 พ.ย. 2551

ปัญญาระดับวิปัสสนาเป็นปัญญาขั้นสูงมาก ชึ่งถ้าปัญญาระดับต้นๆ ยังไม่มี หรืออาจเข้าใจผิดว่ามีปัญญาแล้ว ก็ไม่มีทางเกิดปัญญาขั้นสูงขึ้นๆ เป็นลำดับได้ ไม่ควรประมาทที่จะศึกษาพระธรม ค่อยๆ ฟังพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ จึงเป็นสิ่งสำคัญ การอบรมเจริญปัญญานั้นไม่ต้องเร่งรีบจะรู้เร็วๆ เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะกิเลสที่สะสมมามากมายในอดีตไม่หมดไปได้ง่ายๆ แต่จะค่อยๆ หมดไปได้ด้วยปัญญา จึงควรเริ่มจากการฟัง การพิจารณาไตร่ตรองให้ดีในพระธรรม อบรมความรู้ความเข้าใจถูกต้อง เพื่อค่อยๆ รู้สภาพธรรมที่กำลังปรากฎตามความเป็นจริงในทวารทั้ง ๖

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
pornpaon
วันที่ 27 พ.ย. 2551
ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
wannee.s
วันที่ 30 พ.ย. 2551

มีความสุขจากความว่างเปล่า ต้องมีความเข้าใจ ไม่ใช่แค่นั้นค่ะ สุขแบบโลภะ คือสุขโสมนัสจากโลภะได้ แต่ความสุขนั้นนำมาซึ่งความทุกข์ เพราะยิ่งติดก็ยิ่งทุกข์ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
ธีรพล
วันที่ 3 ธ.ค. 2551

ขอขอบคุณในทุกคำตอบ และขออนุโมทนา ก็พอที่จะสงเคราะห์ได้ว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้นนั้น เกิดจากการพิจารณาทานที่บริจาค เป็นเบื้องต้น และอารมณ์ประกอบด้วยสมาธิ ซึ่งประกอบด้วยองค์ธรรมของสมาธิขั้นต้น จึงเกิดความรู้สึกดังกล่าว จะอย่างไรก็แล้วแต่ ก็จะขอศึกษาโดยละเอียดต่อไป

ขออนุโมทนาทุกท่านครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ