พระขีณาสพทั้งหลายเป็นไม่ผู้โกรธ [เรื่องพระสารีบุตร]
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔- หน้าที่ 465
๑๗. เรื่องพระสารีบุตรเถระ [๒๘๐]
พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเวฬุวัน ทรงปรารภพระสารีบุตรเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อกฺโกธนํ" เป็นต้น
ได้ยินว่า ในกาลนั้นพระเถระเที่ยวไปบิณฑบาตกับด้วยภิกษุ ๕๐๐ รูป ได้ไปยังประตูเรือนของมารดา ในบ้านนาลกะ
ครั้งนั้น นางนิมนต์ให้ท่านนั่งแล้ว อังคาส * อยู่ ด่าว่า "ผู้เจริญท่านไม่ได้ของเคี้ยวที่เป็นเดน และน้ำข้าวที่เป็นเดน ก็สมควรจะกินน้ำข้าวที่ติดอยู่ทางหลังกระบวย ในเรือนของคนอื่น, ท่านสละทรัพย์ ๘๐ โกฏิบวชเสียได้, ท่านให้เราฉิบหายแล้ว, บัดนี้ท่านจงบริโภคเถิด." นางพลางถวายภัตแม้แก่ภิกษุทั้งหลาย กล่าวว่า " บุตรของเราถูกท่านทั้งหลายทำให้เป็นคนรับใช้ของตนแล้ว, บัดนี้ พวกท่านจงบริโภคเถิด," พระเถระรับภิกษาแล้วได้ตรงไปยังวิหารทีเดียว. ครั้งนั้น ท่านพระราหุล เอื้อเฟื้อพระศาสดาด้วยบิณฑบาตแล้ว. ทีนั้น พระศาสดาตรัสกะท่านว่า "ราหุล พวกเธอไป ณ ที่ไหน" พระราหุล กราบทูลว่า "พวกข้าพระองค์ไปยังบ้านของย่า พระเจ้าข้า" พระศาสดา ตรัสถามว่า "ก็อุปัชฌายะของเธอ ถูกย่ากล่าวอย่างไร?" พระราหุล กราบทูลว่าพระเจ้าข้า "พระอุปัชฌายะของข้าพระองค์ ถูกย่าด่าแล้ว" พระศาสดา ตรัสถามว่า "อุปัชฌายะของเธอถูกย่าว่าอย่างไร?" พระราหุล กราบทูลว่า "กล่าวถ้อยคำชื่อนี้ พระเจ้าข้า" พระศาสดา ตรัสถามว่า "อุปัชฌายะของเธอ ว่าอย่างไร?" พระราหุล กราบทูลว่า "ไม่ว่าอะไรๆ เลย พระเจ้าข้า" ภิกษุทั้งหลาย ฟังคำนั้นแล้ว สนทนากันในโรงธรรมว่า "ผู้มีอายุทั้งหลาย คุณทั้งหลายของพระสารีบุตรเถระน่าอัศจรรย์หนอ: เมื่อมารดาของท่านด่าอยู่อย่างนั้นแม้เหตุสักว่าความโกรธ มิได้มีเลย" พระศาสดาเสด็จมาแล้ว ตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยกถาอะไรหนอ?" เมื่อภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า " ด้วยกถาชื่อนี้," จึงตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาพระขีณาสพทั้งหลายเป็นไม่ผู้โกรธเลย" ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า:-
"เราเรียกผู้ไม่โกรธ มีวัตร มีศีล ไม่มีตัณหาเครื่องฟูขึ้น ผู้ฝึกแล้ว มีสรีระในที่สุดนั้น ว่า เป็นพราหมณ์" แก้อรรถ บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า วตฺตวนฺตํ เป็นต้น ความว่า เราเรียกผู้ประกอบด้วยวัตรคือธุดงค์ ผู้มีศีลด้วยปาริสุทธิศีล ๔ ผู้ชื่อว่าไม่มีตัณหาเครื่องฟูขึ้น เพราะไม่มีเครื่องฟูขึ้นคือตัณหา ผู้ชื่อว่าฝึกแล้ว เพราะฝึกอินทรีย์ ๖ ผู้ชื่อว่ามีสรีระมีในที่สุดเพราะอัตภาพอันตั้งอยู่ในที่สุดนั้นว่าเป็นพราหมณ์.
ในกาลจบเทศนา ชนเป็นอันมากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้นดังนี้แล.
เรื่องพระสารีบุตรเถระ จบ
* อังคาส หมายถึง การเลี้ยงดู