กะโหลกหนาปัญญาหยาบ

 
Nareopak
วันที่  26 พ.ย. 2551
หมายเลข  10512
อ่าน  2,471

"คนที่สนทนาด้วยบอกว่าพระอรหันต์ไม่มีในโลก" จึงบอกเขาว่า คนที่จะรู้ว่าใครเป็นพระอรหันต์ หรือ พระโสดาบันได้ ต้องเป็นระดับเดียวกัน และเรื่องอื่นๆ อีกหลายเรื่องที่เขาพูดมา เราตอบไป ทำให้เขาเกิดโทสะ เรา (ประเภทกะโหลกหนาปัญญาหยาบ) ยังไม่มีสติปัญญารู้เท่าทันว่าทำให้เขาโกรธ ก็พูดต่อแถมยังไปบอกเขาอีกว่าที่รู้เพราะเรียนมา เมื่อสติมา เริ่มรู้ว่าเขาไม่พอใจ จึงหยุดพูด (แต่หลงลืมสติตรงที่ว่าเสียงที่ได้ยินเป็นสภาพธรรม)


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
orawan.c
วันที่ 27 พ.ย. 2551

ในการสนทนาเรื่องใดๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้เข้าใจธรรมะหรือเรื่องอื่นๆ ถ้าเราฟังคู่สนทนามากกว่าพูด ย่อมทำให้รู้ว่าเขาคิดอย่างไร เพื่อที่เราจะได้คุยได้ตามกำลังศรัทธาของผู้ฟัง ข้อโต้แย้งย่อมน้อยลง เพราะรู้ว่าถ้าคุยแล้วไม่เข้าใจก็ยังไม่ต้องคุยดีกว่า เมื่อรู้ว่าพูดไปก็ไม่เกิดประโยชน์ และทุกอย่างเป็นธรรมะตามการสะสมจริงๆ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
wannee.s
วันที่ 27 พ.ย. 2551

สติเกิดเป็นเครื่องกั้นของอกุศลทั้งหลาย พูดคำจริง แต่ไม่เป็นประโยชน์ไม่ควรพูดค่ะ และถึงจะเป็นคำจริง มีประโยชน์ พูดน่ารัก พูดอ่อนหวาน ก็ยังต้องประกอบด้วยกาลค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
suwit02
วันที่ 27 พ.ย. 2551

พระอรหันต์ท่านจะอยู่ที่ไหนบ้าง ยากที่จะรู้ แต่พระสัทธรรม อริยมรรค 8 ยังปรากฏอยู่นะครับ

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
choonj
วันที่ 28 พ.ย. 2551

ขอแซวความเห็นที่ ๑ ได้ทราบมาว่าเวลาประชุมบริษัทต่างคนต่างแย่งกันพูด แล้วทำไมเขียนความเห็นออกมาได้อย่างนี้ ธรรมเกิดตามเหตุปัจจัยจริงๆ พระอรหันต์เป็นเรื่องไกลตัว ถ้ามีรูปเดียวก็พิสูจน์ไม่ได้ว่ามี ถ้ามีสองรูปก็พิสูจน์ได้เฉพาะสองรูปนั้นเท่านั้น คนอื่นไม่สามารถรู้ได้ เมื่อรู้เองไม่ได้ก็มีแต่ความเชื่อเท่านั้น จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็แล้วแต่บุคล จึงเป็นเรื่องไกลตัว การสนทนากับผู้ไม่เข้าใจก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่จะสร้างอกุศล จนคิดไปเป็นกระโหลกหนาปัญญาหยาบ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pornpaon
วันที่ 28 พ.ย. 2551

ความปราถนาดีที่ให้ผิดกาละ

มักเป็นโทษกับผู้ให้มากกว่าจะเกิดประโยชน์แก่ผู้รับ เกิดกับตนเองบ่อยๆ แต่ก็ค่อยๆ ห่างออกบ้างแล้ว เพราะเริ่มระวังมากขึ้น

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Nareopak
วันที่ 29 พ.ย. 2551

กราบขอบพระคุณทุกท่านที่เตือนสติต่อไปต้องระมัดระวังมากขึ้นพิจารณาก่อนพูด ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านที่เมตตาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
ajarnkruo
วันที่ 29 พ.ย. 2551

ในสมัยพุทธกาล เคยมีพระอรหันต์ในโลกมากมาย แต่ในสมัยนี้ ในโลก ไม่มีพระอรหันต์อีกแล้ว เว้นในเทวโลก พรหมโลก ที่ยังมีพระอรหันต์ที่ท่านยังไม่ได้ปรินิพพานซึ่งเราก็คงจะไม่มีโอกาสได้เห็น ถ้าหากเรายังเป็นมนุษย์อยู่ แต่ถ้าหากว่า จะเกิดมีพระอริยบุคคลในโลกนี้ได้ ก็จะมีเพียงพระอนาคามี พระสกทาคามี หรือพระโสดาบัน เท่านั้น ซึ่งถ้าท่านได้บรรลุจริง ท่านก็คงจะไม่บอกให้เรารู้ ถึงแม้ว่า เราจะไม่เคยรู้ ไม่เคยเห็นกับตาว่าใครเป็นพระอริยเจ้า แต่เพราะได้ฟังพระธรรม เราจึงพอจะยอมรับได้ ด้วยเหตุผลในขั้นของการฟัง แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้ฟัง และไม่เข้าใจพระธรรมเลย ก็ย่อมเป็นเรื่องยากที่จะอธิบายให้เขาเข้าใจในสิ่งที่เขาไม่ได้เห็นกับตา เพราะสิ่งที่เราสนทนากับเขานั้น ไม่ใช่สิ่งที่ปรากฏในชีวิตประจำวัน แต่เป็นการพูดเรื่องของผลอันแสนไกลซึ่งถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม จะไม่มีทางที่จะรู้ที่มาที่ไป จนทราบชัดถึงเหตุและผล ที่จะเป็นหนทางปฏิบัติเพื่อการบรรลุคุณวิเศษนั้นได้ ด้วยเหตุนี้ ทางออกที่ดีกว่า คือการเลือกหัวข้อสนทนาธรรมที่เขาพิสูจน์ได้ในขณะนี้ พูดกับเขาด้วยเมตตา ด้วยวาจาจริง อ่อนหวาน ไพเราะ พูดคำที่เป็นประโยชน์ มีความแยบคาย ฉลาดที่จะเลือกเฟ้นคำพูดที่ไม่กระทบหรือทิ่มแทงใจ สำรวมวาจาเสมอทุกครั้งที่กล่าวธรรม ถ้าไม่ถึงกาลที่สมควรกล่าวธรรม ก็ค่อยหาโอกาสกล่าวธรรมใหม่ในภายหลัง และที่สำคัญคือ ไม่ควรลืมที่จะตามรักษาจิตของตนด้วยครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
Nareopak
วันที่ 1 ธ.ค. 2551
ขอบพระคุณสำหรับความคิดเห็นและคำแนะนำของท่าน ajarnkruo
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
paderm
วันที่ 4 ธ.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

เป็นธรรมดาเมื่อยังมีกิเลสก็เป็นปัจจัยให้เกิดอกุศลเกิดขึ้น แต่ประโยชน์คือ ความเข้าใจพระธรรมที่ถูกต้อง ผู้ที่เป็นผู้ตรง ย่อมฟังเหตุผลในพระธรรมจึงจะได้สาระจากพระธรรมของพระพุทธเจ้า การสนทนาธรรมจึงต้องมีจิตอนุเคราะห์ผู้ฟัง มีเมตตา อดทน ถ้อยคำ รู้จักกาลเวลาที่สำคัญที่สุดตรงต่อเหตุผลในพระธรรม แสดงธรรมไม่ใช่เพื่อเหตุอื่น แต่เพื่อให้บุคคลอื่นเข้าใจย่อมจะเป็นอดทนมากขึ้น ในบางสูตรพระพุทธเจ้าทรงแสดงว่าหากว่าตัวเองต้องเดือดร้อนและเขาเกิดโทสะ แต่เขาสามารถละอกุศลได้ เธอก็ควรพูด ดังนั้นเป็นธรรมดาที่ยังมีกิเลสก็เกิดอกุศลได้ แต่หากว่ารู้ว่าสามารถทำให้เขาละความเห็นผิดได้ ก็ควรที่จะกล่าวให้เข้าใจด้วยความอดทน เมตตาและรู้จักกาลเวลา แต่หากว่ารู้ว่าไม่สามารถละความเห็นผิดของเขาได้เธอก็ไม่ควรละวางอุเบกขา พระพุทธเจ้าได้ตรัสสอนอย่างนี้ครับ ที่สำคัญที่สุดไม่ควรลืมประโยชน์ตนคือความเข้าใจธรรมของตนเองด้วยครับ

ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
chatchai.k
วันที่ 31 ก.ค. 2564

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ