ทุกข์กาย...ทุกข์ใจ ?

 
พุทธรักษา
วันที่  28 พ.ย. 2551
หมายเลข  10546
อ่าน  6,049

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ท่านผู้ฟัง การเข้าใจสภาพธรรม หรือ สภาพความจริง แก้ทุกข์ได้อย่างไร

ท่านอาจารย์ ต้องทราบว่า ทุกข์ที่มี เป็นทุกขเวทนา ทางไหนถ้าเป็นทุกขเวทนาทางกาย เกิดขึ้นได้อย่างไร

เมื่อมีรูป คือร่างกาย ไม่มีใครสามารถหลีกเลี่ยงความเจ็บไข้ได้ป่วย ร่างกายเป็นรังของโรค เมื่อมีรูปตา ก็มีโรคตา มีหูก็มีโรคหู เป็นต้นมีรูป ร่างกาย ก็มีโรคที่ร่างกาย ร่างกายจึงเป็นรังของโรค แต่ผู้ที่มีร่างกายสบายดี แต่ใจเป็นทุกข์ เพราะอะไร

ฉะนั้น ต้องแยกด้วยความเข้าใจความละเอียดของสภาพธรรม เพราะเหตุว่า ทุกข์กายเกิดขึ้น เพราะกรรมในอดีต เป็นปัจจัยแม้พระผู้มีพระภาค หรือ พระอริยบุคคล ก็ไม่พ้นจากทุกข์กายอันเกิดขึ้นเพราะกรรมในอดีต เป็นปัจจัย

ผู้ที่มีทุกข์กาย แต่ไม่ทุกข์ใจนั้นมีอยู่สำหรับผู้ที่ไม่มีปัญญามีทั้งทุกข์กายและทุกข์ใจแม้ไม่มีทุกข์กายเลย แต่ก็มีทุกข์ใจ

เพราะฉะนั้น ต้องทราบว่าทุกข์กาย ทุกข์ใจ เกิดจากอะไร.?และมีความแตกต่างกัน อย่างไร ทุกข์ไหน ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ทุกข์ไหน ที่สามารถดับได้ ปัญญาของคนอื่น จะไปดับทุกข์ ให้คนอื่น เป็นไปไม่ได้แต่ต้องเป็นปัญญาของผู้นั้นเอง ฉะนั้น ถ้าใครไม่มีปัญญาแล้วจะไม่ให้มีทุกข์ เป็นไปไม่ได้

สนทนาธรรมที่วัดฝายหิน อ.เมือง จ.เชียงใหม่โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขต์ พ.ศ. ๒๕๔๔

ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลแด่สรรพสัตว์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 28 พ.ย. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
เมตตา
วันที่ 29 พ.ย. 2551

ปัญญาเท่านั้นที่จะดับความทุกข์ใจได้ แต่ปัญญาไม่สามารถดับความทุกข์กายได้ก็ เพราะเหตุว่าทุกข์กายเป็นผลของอกุศลกรรมในอดีต แม้แต่พระอรหันต์ก็หลีกเลี่ยงทุกข์กายไม่ได้ แต่เนื่องจากท่านดับกิเลสหมดสิ้นเป็นสมุจเฉทท่านจึงไม่ทุกข์ใจ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
wannee.s
วันที่ 29 พ.ย. 2551

เกิดมาก็หนีไม่พ้นความทุกข์ ทุกข์ทางกายเป็นผลของกรรม แต่ทุกข์ทางใจเกิดจากกิเลสที่เป็น โลภะ โทสะ โมหะ จะรักษาทุกข์ทางใจได้ด้วยธรรมโอสถ ยิ่งศึกษาธรรมเข้าใจ ทุกข์ใจก็จะลดลงไปด้วยตามกำลังของปัญญาและการสั่งสมของแต่ละคน ค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ajarnkruo
วันที่ 29 พ.ย. 2551

ทางโลกคิดว่า การช่วยเหลือผู้อื่นให้มีความสุขด้วยรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส เป็นสิ่งที่มีประโยชน์เพราะได้เห็นบทบาทของผู้ที่ช่วยเหลือและผู้ได้รับการช่วยเหลืออย่างเด่นชัดแต่การช่วยเหลือนั้นไม่จบสิ้น เพราะไม่ได้ก่อให้เกิดความสุขอย่างแท้จริง เป็นเพียงการช่วยเหลือ และบรรเทาทุกข์ของผู้ที่ประสบผลของอกุศลกรรมของตน ซึ่งเป็นปลายเหตุแต่ถ้าผู้นั้นยังมีกิเลส ก็ไม่พ้นจะต้องประสบกับทุกข์อีก คำสอนของพระผู้มีพระภาคช่วยให้ผู้ที่ศึกษาถูก เกิดปัญญารู้ทุกข์ รู้เหตุเกิดทุกข์ รู้การดับทุกข์ และรู้หนทางที่จะนำไปสู่การดับที่ต้นเหตุแห่งทุกข์ได้ ซึ่งเมื่อดับเหตุแห่งทุกข์ที่แท้จริง คือ กิเลสได้ จึงจะได้ชื่อว่า พบกับความสุขที่แท้จริง คือ การไม่ต้องกลับมาทุกข์เพราะกิเลสอีก

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
nida
วันที่ 29 พ.ย. 2551

คิดไม่ได้ทุกข์ แต่ทุกข์เพราะเอาคิด มาเป็นตัวตนมันจึงทุกข์

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Komsan
วันที่ 29 พ.ย. 2551
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
pornpaon
วันที่ 30 พ.ย. 2551

ปัญญาของคนอื่น จะไปดับทุกข์ ให้คนอื่น เป็นไปไม่ได้แต่ต้องเป็นปัญญาของผู้นั้นเองฉะนั้นถ้าใครไม่มีปัญญาแล้วจะไม่ให้มีทุกข์ เป็นไปไม่ได้

กราบขออนุโมทนาท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

ขออนุโมทนาคุณปริศนา

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
pamali
วันที่ 30 มิ.ย. 2553
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ สาธุ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
khampan.a
วันที่ 2 ส.ค. 2553

เป็นข้อความธรรมที่เตือนใจได้ดีเป็นอย่างยิ่ง

ขอบพระคุณและขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Jans
วันที่ 4 ส.ค. 2553

ขอบคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
hadezz
วันที่ 6 ส.ค. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
peem
วันที่ 20 ธ.ค. 2557

ขอบพระคุณ และขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ