เป็นนักรบ มีอาวุธหรือยัง ?

 
เมตตา
วันที่  1 ธ.ค. 2551
หมายเลข  10568
อ่าน  2,105

นักรบที่จะต่อสู้กับกิเลสที่มีอยู่มากมาย ที่ได้สะสมมาเนิ่นนานในอดีตนั้น ไม่ใช่ง่ายเลย ในชีวิตปัจจุบันทันที ที่เห็นได้ยิน ตามปกติอกุศลก็เกิดแล้ว เพราะฉะนั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัวของการสะสมอกุศลจริงๆ ว่าในวันหนึ่งๆ นั้นมีมาก จะเห็นว่าถ้าไม่มีอาวุธที่จะออกรบสู้กับกิเลส กิเลสก็จะสะสมเพิ่มขึ้นอีก อาวุธที่สำคัญที่จะต่อสู้กับกิเลสก็คือ สติสัมปชัญญะที่จะระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎขณะนี้

สหายธรรมทุกท่าน ท่านมีอาวุธพร้อมที่จะออกรบหรือยังค่ะ?


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
prachern.s
วันที่ 1 ธ.ค. 2551

ข้อความตอนหนึ่งจาก...

อรรถกถามหาสูญญตาสูตร

ก็เพราะภิกษุแม้ถึงจะเรียนสุตตปริยัติ แต่ไม่ปฏิบัติอนุโลมปฏิปทาสมควรแก่สุตตปริยัตินั้น เธอย่อมชื่อว่า ไม่มีอาวุธนั้น ส่วนภิกษุใดปฏิบัติ ภิกษุนั้นแหละตั้งชื่อว่า มีอาวุธ....

ดังนั้น ในชีวิตประจำวัน เพียงฟังพระธรรมผ่านไปวันๆ หนึ่งยังไม่พอ แต่ควรเป็นผู้น้อมประพฤติปฏิบัตตามพระธรรมคำสอน จึงจะสมควร และชื่อว่ามีอาวุธ ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
suwit02
วันที่ 1 ธ.ค. 2551

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
khampan.a
วันที่ 1 ธ.ค. 2551

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

พระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงตลอด ๔๕ พรรษา นั้น เกื้อกูลแก่พุทธบริษัทผู้ที่มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาอย่างแท้จริง เป็นประโยชน์ทุกกาล ทุกสมัย ไม่จำกัดเพศไม่จำกัดวัย การได้ฟังพระสัทธรรมหาได้ยาก เพราะเหตุว่า ผู้ที่แสดงแต่ความจริงซึ่งเป็นสัจจธรรม นั้น หายากและประการสำคัญไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้ฟังเหมือนกันหมดถ้าไม่ได้สั่งสมเหตุปัจจัยทีดีมา ย่อมไม่มีโอกาสได้ฟัง หรือเมื่อได้ฟังก็ไม่เข้าใจ

ดังนั้น เมื่อมีโอกาสได้ฟังแล้ว ก็ควรที่จะได้ฟังต่อไป ไม่ควรปล่อยโอกาสของการฟังพระธรรม ให้หลุดลอยไป (ไม่ล่วงขณะ) เพราะพระธรรมเป็นเรื่องที่เข้าใจยาก ต้องอาศัยกาลเวลา ในการอบรมเจริญไปเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน (การฟังพระธรรม จะเป็นเครื่องลับปัญญาให้คมกล้า)

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
khampan.a
วันที่ 1 ธ.ค. 2551

กิเลสซึ่งเป็นศัตรูภายใน เกิดขึ้นเป็นไปบ่อยมากในชีวิตประจำวัน ทั้งโลภะ โทสะ โมหะ เพราะได้สั่งสมมาอย่างเหนียวแน่นและเนิ่นนานในสังสารวัฏฏ์ ถ้าไม่ได้ฟังพระธรรม ไม่ได้ศึกษาพระธรรม ย่อมไม่มีทางที่จะเห็นโทษของอกุศลได้ ในแต่ละวันมีแต่โอกาสของอกุศลเกิดพอกพูนขึ้นเรื่อยๆ และย่อมจะไม่มีอาวุธ คือปัญญาที่จะตัดกิเลสเหล่านั้นได้ ดังนั้นต้องอาศัยการอบรมเจริญปัญญา อบรมไปเรื่อยๆ ก็คงถึงได้ในสักวัน คือถึงการดับกิเลสได้ในที่สุด หนทางมีอยู่แล้ว คือการอบรมเจริญปัญญา ถ้าไม่ดำเนินไปตามทางนั้น จะเป็นความผิดของใคร จึงเป็นเรื่องที่น่าคิดพิจารณาทีเดียวสมจริงดังคำที่ท่านสุเมธบัณฑิต กล่าวไว้ว่า "คนผู้ถูกศัตรูกลุ้มรุม เมื่อทางหนีไป มีอยู่ แต่ไม่หนีไป ข้อนั้นหาเป็นความผิดของทางไม่ ฉันใด คนที่ถูกกิเลสกลุ้มรุม เมื่อทางปลอดภัยมีอยู่ไม่ไปหาทางนั้น ข้อนั้น หาเป็นความผิดของทางที่ปลอดภัยนั้นไม่ ฉันนั้นเหมือนกัน"

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pornpaon
วันที่ 2 ธ.ค. 2551

อยากพูดว่าตัวเปล่าแท้ๆ ปราศจากอาวุธ (ปัญญา) แต่ที่จริงพกอาวุธ ทั้งตัณหา ทิฏฐิ มานะ ราคะ โทสะ ไว้ทำร้ายตัวเองเพียบแปล้ กำลังค่อยๆ สะสมความเข้าใจในการปลดมันอยู่ค่ะ และรู้ว่าต้องใช้เวลานานมาก เป็นจิรกาลภาวนา

ขออนุโมทนาพี่เมตตา

ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะทุกท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
Sam
วันที่ 2 ธ.ค. 2551

ควรเริ่มที่จะเห็นกิเลสอกุศลของตนว่าเป็นโทษอย่างไร และเป็นศัตรูเพราะเหตุใดและมีความตั้งใจจริงที่จะรบกับศัตรูนี้ เมื่อมีความตั้งใจจริงที่จะรบให้ชนะศัตรู ย่อมขวนขวายที่จะหาทางสะสมอาวุธ เสบียงอาหารและเวชภัณฑ์ รวมทั้งฝึกฝนอบรมการใช้อาวุธนั้นให้ชำนาญ ทำสงครามใหญ่ ต้องใช้ยุทธภัณฑ์และความพยายามมาก ... ขออวยพรให้นักรบทุกท่านจงประสบชัยชนะในที่สุด

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
พุทธรักษา
วันที่ 2 ธ.ค. 2551

ยังเป็นนักเรียนอยู่เลยค่ะยังต้องเรียนรู้อีกมากแต่ตั้งใจเรียน ... เพราะมั่นใจว่า "พุทธศาสตร์" คือ "วิชาควรค่าแก่การเรียนที่สุด" จะเรียนไปเรื่อยๆ และไม่หวังว่าจะเรียนจบเมื่อไร เพราะไม่สามารถทราบได้แต่ทราบว่า ถ้าไม่ทิ้งการเรียน ต้องเรียนจบ เพราะวิชานี้เรียนจบได้ตามเหตุปัจจัย และหากเรียนจบ ก็ไม่ต้องกลับมาขวนขวายเรียนวิชาไหนๆ อีก

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
คุณ
วันที่ 2 ธ.ค. 2551
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
Noparat
วันที่ 3 ธ.ค. 2551

ปัญญาเป็นอาวุธ สำหรับทำลายกิเลสค่ะ

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ajarnkruo
วันที่ 3 ธ.ค. 2551

คิดว่าคงจะยังไม่ได้พกอาวุธที่แกร่งกล้าอะไรติดตัวไว้ในตอนนี้เพราะสิ่งที่มีอยู่นั้น เป็นอาวุธของศัตรูไปเสียหมดทั้งทิ่ม ทั้งแทง ฝังลึกลงไปจนไม่รู้ตัวถ้ารู้ตัว ก็คงจะรีบหาทางดึงมันออกโดยไวแต่ตอนนี้ยังไม่รู้ จึงยังหาอะไรดึงมันออกไปไม่ได้อาวุธที่จะต่อสู้กับศัตรูก็ดูเหมือนกับว่า "จะเล็กยิ่งกว่าไม้จิ้มฟัน"ตอนนี้มีเพียงยาสมานแผลทุกครั้งที่ได้ฟังพระธรรมแล้วเข้าใจแล้วก็เป็นยาชูกำลังให้มีแรงลับอาวุธ (ปัญญา) เพื่อสู้กับศัตรูต่อไปในกาลยาวนานแห่งสังสารวัฏฏ์นี้

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
จำแนกไว้ดีจ๊ะ
วันที่ 3 ธ.ค. 2551

กิเลสมีอาวุธเหนือกว่า ติดในลาภ ยศ สรรเสริญ และสุข ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
เซจาน้อย
วันที่ 18 ม.ค. 2554
ขออนุโมทนาครับ
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
chatchai.k
วันที่ 21 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ