อาสวะ
อา (ทั่ว) + สว (เจริญ ไหลไป)
กิเลสเครื่องหมักดองที่ไหลไปทั่ว หมายถึง อกุศลธรรมชนิดหนึ่งที่มีสภาพหมักหมมไว้ในขันธสันดาน เหมือนกับสุราซึ่งเป็นเครื่องหมักดองที่เก็บไว้นานๆ มีอำนาจทำให้เมาและหลงใหลได้ อาสวะยังเป็นสภาพที่ไหลไปไหลไปสู่ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ สามารถไหลไปได้จนถึงภวัคคพรหม เมื่อว่าโดยภูมิ แต่เมื่อว่าโดยธรรมก็ไหลไปได้จนถึงโคตรภู ทำให้สังสารวัฏฏ์เจริญสืบต่อไปเพราะอาสวะ เป็นต้นเหตุให้เกิดอวิชชา คือ ความไม่รู้ ซึ่งเป็นเงื่อนต้นของปฏิจจสมุปปาท
อาสวะมี ๔ อย่าง คือ
๑. กามาสวะ เครื่องหมักดอง คือ ความยินดีในกาม ได้แก่ โลภเจตสิกที่เกิดกับโลภมูลจิต ๘ ดวง
๒. ภวาสวะ เครื่องหมักดอง คือ ความยินดีในภพ ได้แก่ โลภเจตสิกที่เกิดกับโลภทิฏฐิคตวิปปยุตต์ ๔ ดวง
๓. ทิฏฐาสวะ เครื่องหมักดอง คือ ความเห็นผิด ได้แก่ ทิฏฐิเจตสิกที่เกิดโลภทิฏฐิคตสัมปยุตต์ ๔ ดวง
๔. อวิชชาสวะ เครื่องหมักดอง คือ ความไม่รู้ ได้แก่ โมหเจตสิกที่เกิดกับอกุศลจิตทั้ง ๑๒ ดวง
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
ขอบคุณ และขออนุโมทนาครับ
ขอขอบพระคุณและขออนุโมทนา
กุศลทุกประการของทุกๆ ท่านค่ะ
ด้วยความเคารพยิ่ง
จาก ธิดารัตน์ เดื่อมขันมณี
(ใหญ่ราชบุรี)
อาสวะมีมากับตัวตนทันทีมีความเป็นชาติ ติดในภพชาติที่มีทันที ถ้าหากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ทรงแสดง เวนัยสัตว์ย่อมไม่รู้ สัตว์ไม่ว่าเกิดในนรก เดรัชฉาน เปรต อสูรกาย ย่อมรักในภพภูมิแห่งตน เพราะฉะนั้นพึงพิจรณาว่าทุกชีวิตมีความรักตัว ขออย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกัน พิจรณาว่าธรรมะเป็นอนัตตา
ขออนุโมทนาค่ะ