กาย เวทนา จิต ธรรม...ภายใน-ภายนอก ?

 
พุทธรักษา
วันที่  21 ธ.ค. 2551
หมายเลข  10725
อ่าน  3,318


ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

สนทนาธรรมกับท่านอาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์ ถอดเทปโดย คุณย่าสงวน สุจริตกุล

ท่านผู้ฟัง ขอถามปัญหาเกี่ยวกับการเจริญสติปัฏฐานความหมายใน "มหาสติปัฏฐานสูตร" นั้น แต่ละคน เข้าใจกันไปคนละแง่ คนละทาง ไม่เหมือนกันในสำนักปฏิบัติ หรือในสถานที่ต่างๆ ความเข้าใจในธรรมะนั้นต่างๆ กัน เช่น คำว่า กายที่เป็นภายใน และ กายที่เป็นภายนอก เวทนา จิต ธรรม ทั้งที่เป็นภายใน ภายนอก เราก็เข้าใจไขว้เขวกันมาก คำว่า "กาย ใน กาย" นั้น ถ้าจะถือเอาสติปัฏฐานจริงๆ นั้นเราจะได้ความว่า อย่างไร เป็นกายภายใน อย่างไร เป็นกายภายนอก ตลอดไปจนถึง เวทนา จิต ธรรม ด้วย

ท่านอาจารย์ ตามปกติ เวลาที่สติยังไม่เกิด ก็มีการรู้ว่ากายที่ตัว (เอง) เป็นกายภายในส่วนกายของบุคคลอื่น เป็นกายภายนอก เพราะฉะนั้น การที่สติจะระลึกรู้ลักษณะของกาย ตามที่เคยรู้ ไม่ว่าจะเป็นกาย ที่ปรากฏที่ตัว (เอง) ซึ่งเป็นภายในสติ ก็ระลึกรู้ "ลักษณะที่ปรากฏ" ตามความเป็นจริงได้

ถ้ามีการกระทบสัมผัส กายอื่น ภายนอก ซึ่งเคยรู้ว่า เป็นกายอื่น ไม่ใช่กายของเราสติ ก็สามารถระลึกรู้ "ลักษณะที่ปรากฏทางกาย" ได้ เช่น สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏได้เฉพาะทางตา เท่านั้น เคยมีความเข้าใจอย่างนี้ ว่าถ้าเป็นของเรา จึงเป็นภายใน ถ้าเป็นของคนอื่น ก็เป็นภายนอก แต่ความจริง เวลาที่สติระลึกรู้ ก็เป็นเพียงแต่ สภาพธรรมที่ปรากฏทางตา เท่านั้น (ไม่ใช่เรา)

ท่านผู้ฟัง แล้วเวทนาที่เป็นภายนอกนั้น ได้แก่อะไร เช่น เวลาที่คนอื่นโกรธ เศร้า ดีใจ ฯลฯ ในขณะนั้น ก็ให้ระลึกรู้ในสภาพธรรมที่ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคล ในขณะที่กำลังรู้อย่างนั้น หมายถึงว่า เป็นเวทนาของผู้อื่นและ จิต ธรรม ก็เหมือนกัน

ท่านอาจารย์ เหมือนกัน โดยนัยเดียวกัน

ท่านผู้ฟัง กาย ใน กาย หรือ การพิจารณากายที่กาย นั้นอาจจะมีบางแห่งที่จะยึดถือว่า เป็นอัตตา ก็ได้ เคยได้ยินมา ว่า กายภายในหรือภายนอกท่านว่า กายภายใน คือ กายทิพย์ ที่ว่าเป็นกายทิพย์นี้ ไม่เป็นพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาอื่น ใช่ไหม เป็นความเห็นของนักปราชญ์สมัยก่อนได้ไหม แต่ว่า กายทิพย์นั้น เขาให้ไปที่สำนักบางแห่ง แล้วถ้าไม่เชื่อ ก็ให้ไปปฏิบัติดูแล้วจะเห็นกาย ที่เป็นภายใน กาย ที่เป็นภายนอก ได้อย่างนี้ เป็นความจริงหรือเปล่า

ท่านอาจารย์ การเจริญสติปัฏฐานเป็นการ "ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม"ที่เกิดขึ้นปรากฏแล้ว เพราะเหตุปัจจัย ไม่ใช่ไปสร้างขึ้นมา เพื่อที่จะรู้ เพราะฉะนั้น ขณะนี้ที่เคยยึดถือว่า เป็นกาย เป็นเวทนา เป็นจิต เป็นธรรมที่เป็นเรา ป็นภายใน ที่เป็นเขา เป็นภายนอก แต่ความจริง เป็นขณะนี้ ที่เป็นปกติ ไม่ใช่ขณะอื่นไม่ว่าจะเป็น กายก็ดี เวทนาก็ดี จิตก็ดี ธรรมก็ดี หมายถึง สภาพธรรมที่กำลังปรากฏในขณะนี้ เดี๋ยวนี้

สติปัฏฐาน คือ ระลึกรู้ในลักษณะ ของสภาพธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะมีเหตุปัจจัยจึงปรากฏ ตามความเป็นจริง ในขณะนี้ไม่ต้องไปสร้างทิพย์ขึ้นมา เพื่อที่จะรู้ อย่างนั้นไม่ใช่การอบรมเจริญปัญญาเพื่อการประจักษ์แจ้งในลักษณะของสภาพธรรม ที่ปรากฏให้รู้ได้ ว่าไม่ใช่สัตว์ บุคคล ตัวตนในขณะนี้ ตามความเป็นจริงได้ เพราะฉะนั้น ไม่ว่าบุคคลใดจะมีความเห็นใ นเรื่องของการเจริญวิปัสสนาแตกต่างกันอย่างไรก็ตาม ปัญญา ซึ่งเป็นปรมัตถธรรม ที่มีจริงนั้น สามารถที่จะเกิดขึ้น ประจักษ์แจ้งใน "ลักษณะของสภาพธรรม"ที่กำลังปรากฏตามปกติ ตามความเป็นจริงได้ แต่ถ้าเป็นการรู้อื่น ที่ไม่ใช่การ "รู้ลักษณะของสภาพธรรม" ที่กำลังปรากฏ ตามปกติ ตามความเป็นจริง การรู้อื่นนั้น ไม่ใช่ "วิปัสสนา"


ขออนุโมทนา


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
พุทธรักษา
วันที่ 21 ธ.ค. 2551

ท่านผู้ฟัง แล้วเวทนาที่เป็นภายนอกนั้น ได้แก่อะไร เช่น เวลาที่คนอื่นโกรธ เศร้า ดีใจฯลฯในขณะนั้น ก็ให้ระลึกรู้ในสภาพธรรมที่ไม่ใช่ตัวตน สัตว์ บุคคลในขณะที่กำลังรู้อย่างนั้น หมายถึงว่า เป็นเวทนาของผู้อื่น และ จิต ธรรม ก็เหมือนกัน

ท่านอาจารย์ เหมือนกัน โดยนัยเดียวกัน เวทนา ภายนอก จิต ภายนอก ธรรม ภายนอกหมายถึงอะไร และ สติรู้สภาพธรรมนี้ ได้ทางไหน และอย่างไรคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
prachern.s
วันที่ 22 ธ.ค. 2551

เวทนา ภายนอก ... จิต ภายนอก .... ธรรม ภายนอก หมายถึง ของผู้อื่นส่วนใหญการระลึกรู้เป็นเรื่องของมโนทวาร ของผู้สามารถรู้ได้ตามสมควร ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ajarnkruo
วันที่ 22 ธ.ค. 2551

ขอแสดงความเห็นส่วนตัวดังนี้นะครับ

ขณะที่เราคิดถึงความรู้สึกของผู้อื่น ความจริงผู้อื่นก็ไม่มี ความรู้สึกของผู้อื่นที่เคยเข้าใจว่าเขาเศร้า เขาเสียใจ เขาดีใจ ที่เป็นอัตตาตัวตน ก็ไม่มี แต่ความจริงมีเวทนาเจตสิกคือ ความรู้สึกสุข / ทุกข์ / เฉย อย่างใดอย่างหนึ่ง ที่เกิดกับจิตที่กำลังคิดถึงความรู้สึกของผู้อื่นเท่านั้น แม้จิตขณะนั้นมีบัญญัติเป็นอารมณ์ แต่เวทนาเจตสิกที่ปรากฏ เป็นธรรมที่มีจริง เป็นอารมณ์ของสติปัฏฐานได้ ขณะที่สติปัฏฐานเกิด จะไม่ยึดถือเวทนาที่เกิดกับตนภายในนั้นว่าเป็นของเรา และจะไม่ยึดถือเวทนาภายนอกว่าเป็นของผู้อื่นเพราะแท้ที่จริงเป็นเพียงแต่สิ่งที่ใจคิดนึกถึงรูปร่าง สัญฐาน บัญญัติ เรื่องราว จากสิ่งที่ปรากฏทางตา หู จมูก ลิ้น กาย เท่านั้น ขณะนั้นคลายการยึดถือว่าเป็นเรา เป็นผู้อื่นเพราะสติปัฏฐานระลึกรู้ลักษณะของปรมัตถธรรมที่เป็นเวทนาเจตสิกครับ ส่วนกายจิต ธรรม ก็นัยเดียวกัน พระผู้มีพระภาคทรงแสดงสติปัฏฐาน ๔ ตามการยึดถือของผู้ที่ยังไม่ได้ดับกิเลส ครับ

...ขออนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
suwit02
วันที่ 22 ธ.ค. 2551

อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ 2 โดย prachern.s เวทนา ภายนอก ... จิต ภายนอก .... ธรรม ภายนอก หมายถึง ของผู้อื่นส่วนใหญการระลึกรู้เป็นเรื่องของมโนทวาร ของผู้สามารถรู้ได้ตามสมควร ครับ

ขอเรียนถามว่า เวทนา ภายนอก จิต ภายนอก และ ธรรม ภายนอก (บางส่วน) ต้องทราบด้วยเจโตปริยญาณ ใช่หรือไม่ ครับ

ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
พุทธรักษา
วันที่ 22 ธ.ค. 2551

ขอบพระคุณค่ะ

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
prachern.s
วันที่ 22 ธ.ค. 2551

เรียน ความเห็นที่ 4 ครับ

แน่นอนครับ ลักษณะของเวทนา จิตภายนอกต้องระดับเจโตปริยญาณ

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
choonj
วันที่ 22 ธ.ค. 2551

กระทู้นี้จะน่าสนใจมากกว่า ถ้าสนทนาแต่เรื่อง ภายใน เมื่อความสนใจอยู่ที่ภายนอก และต้องอาศัย เจโตปริยญาณ ก็เป็นเรื่องไกลตัว ผมก็ขอผ่าน ครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
suwit02
วันที่ 22 ธ.ค. 2551

อ้างอิงจาก : ความคิดเห็นที่ 6 โดย prachern.s

ขอบพระคุณครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
พุทธรักษา
วันที่ 23 ธ.ค. 2551

วันนี้ฟังธรรมบรรยายทางวิทยุท่านอาจารย์สมพร กล่าวไว้ ตอนหนึ่ง ว่า "ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ในกายยังรู้ยากแสนยาก เพราะยังเป็นเราตั้งแต่ศรีษะตลอดเท้า"

ขออนุโมทนา

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
Noparat
วันที่ 23 ธ.ค. 2551
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
เซจาน้อย
วันที่ 23 ธ.ค. 2551

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 12  
 
pornpaon
วันที่ 5 ม.ค. 2552
ขออนุโมทนาค่ะ
 
  ความคิดเห็นที่ 13  
 
pamali
วันที่ 25 มิ.ย. 2553

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 14  
 
wiru
วันที่ 11 ส.ค. 2557

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 15  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ