กติฉินทิสูตร
สนทนาธรรมที่ ...
มูลนิธิศึกษาและเผยแพร่พระพุทธศาสนา
พระสูตร ที่นำมาสนทนาที่มูลนิธิฯ
วันเสาร์ ๒๗ ธ.ค. ๒๕๕๑ เวลา ๐๙:๐๐ - ๑๒:๐๐น. คือ
๕. กติฉินทิสูตร
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๕๒
พระสุตตันตปิฎก สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ ๕๒
๕. กติฉินทิสูตร
[๑๑] เทวดานั้น ครั้นยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้วแล ได้กราบทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยคาถานี้ว่า
บุคคลควรตัดเท่าไร ควรละเท่าไร ควรบำเพ็ญคุณอันยิ่งเท่าไร ภิกษุล่วง ธรรมเครื่องข้องเท่าไร พระองค์จึงตรัสว่า เป็นผู้ข้ามโอฆะแล้ว.
[๑๒] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
บุคคลควรตัดสังโยชน์เป็นส่วนเบื้อง ต่ำ ๕ อย่าง ควรละสังโยชน์เป็นส่วน เบื้องบน ๕ อย่าง ควรบำเพ็ญอินทรีย์อัน ยิ่ง ๕ อย่าง ภิกษุล่วงธรรมเป็นเครื่องข้อง ๕ อย่าง เรากล่าวว่าเป็นผู้ข้ามโอฆะแล้ว.
อรรถกถากติฉินทิสูตร
พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ ๕ ต่อไป :-
บทว่า กติ ฉินฺเท ได้แก่ บุคคลเมื่อตัดควรตัดเท่าไร. แม้ในบทที่เหลือก็นัยนี้. ก็ในบทว่า ฉินฺเท ชเห นี้ว่าโดยอรรถเป็นอย่างเดียวกัน. เทวดานี้เมื่อเว้นถ้อยคำที่ซ้ำๆ ก็เพื่อเป็นประโยชน์แก่การประพันธ์คาถา จึงได้กล่าวแล้วอย่างนี้. บทว่า กติ สงฺคาติโต แปลว่าภิกษุก้าวล่วงธรรมอันเป็นเครื่องข้องเท่าไร. พระบาลีว่า สงฺคาติโตบ้าง. มีเนื้อความอย่างนี้เหมือนกัน. บทว่า ปญฺจ ฉินฺเท ได้แก่เมื่อตัดควรตัดโอรัมภาคิยสังโยชน์ ๕ อย่าง. บทว่า ปญฺจ ชเหได้แก่ เมื่อละควรละอุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ อย่าง การตัดและการละแม้ในที่นี้ เมื่อว่าโดยอรรถก็เป็นอย่างเดียวกัน แต่พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้ก็เพราะให้เหมาะสมกับถ้อยคำอันเทวดาอ้างมา.
อีกอย่างหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าย่อมตรัสว่า โอรัมภาคิยสัง-โยชน์ ๕ เป็นเครื่องฉุดคร่า ให้ตกไปในเบื้องต่ำ เหมือนกับก้อนหินที่เขาผูกเท้าไว้ จะพึงตัดสังโยชน์นั้นได้ด้วยพระอนาคามิมรรค ดังนี้และตรัสว่า อุทธัมภาคิยสังโยชน์ ๕ ซึ่งฉุดคร่าไว้เบื้องบน เหมือนกับกิ่งไม้ที่บุคคลใช้มือจับไว้ จะพึงละสังโยชน์นั้นได้ด้วยพระอรหัต-มรรคดังนี้. บทว่า ปญฺจ จุตฺตริภาวเย ความว่า เมื่อเจริญคุณวิเศษให้ยิ่ง คือให้มากกว่า เพื่อต้องการตัดและเพื่อต้องการละสังโยชน์
เหล่านั้น ควรเจริญอินทรีย์ทั้งหลายมีศรัทธาเป็นที่ ๕. บทว่า ปญฺจสงฺคาติโต ความว่า ก้าวล่วงแล้วซึ่งธรรมเป็นเครื่องข้อง ๕ เหล่านี้คือ เครื่องข้องคือราคะ เครื่องข้องคือโทสะ เครื่องข้องคือโมหะเครื่องข้องคือมานะ เครื่องข้องคือทิฏฐิ. บทว่า โอฆติณฺโณติ วุจฺจติ เขากล่าวว่า ข้ามโอฆะทั้ง ๕ ได้แล้ว แต่ในพระคาถานี้ กล่าวถึงอินทรีย์ ๕ ซึ่งเป็นทั้งโลกิยะ และโลกุตตระ ดังนี้แล.จบอรรถกถากติฉินทิสูตร ที่ ๕