ชีวิตเป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน ไม่ประมาทในการเจริญกุศลทุกประการ
"กาลทั้งหลายย่อมล่วงไป ราตรีทั้งหลายย่อมผ่านไป ชั้นแห่งวัยย่อมละลำดับไป บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้ในมรณะ พึงละอามิสในโลกเสีย มุ่งสันติ (พระนิพพาน) เถิด"
(จาก...สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่มที่ ๒๔ อัจเจนติสูตร)
ชีวิตที่ประเสริฐคือการรู้ว่าขณะนี้เป็นธรรมะอย่างหนึ่งค่ะ
การได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็แสนยาก การได้มีโอกาสพบพระพุทธศาสนายิ่งยากกว่า
จึงต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฎฎสงสารอันหาเบื้องต้น และเบื้องปลายไม่ได้ ฉะนั้น
ชีวิตที่ประเสริฐคือ การที่ได้มีโอกาสได้ฟัง ได้ศึกษาพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดง
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
อชฺเชว กิจฺจมาตปฺปํ โก ชญฺญฺา มรณํ สุเวน หิ โน สงฺครนฺเตน มหาเสเนน มจฺจุนาควรทำความเพียร ในวันนี้ทีเดียวใครจะรู้ว่าความตายจะมีในวันพรุ่งนี้เพราะการผัดเพี้ยนความตายอันมีเสนาใหญ่นั้นของเราทั้งหลายมีไม่ได้เลย
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย อิติวุตตกเล่ม ๑ ภาค ๔ - หน้าที่ 320
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ธรรมอย่างหนึ่งอันภิกษุเจริญแล้วทำให้มากแล้วย่อมยึดประโยชน์ทั้ง ๒ ไว้ได้ คือ
ประโยชน์ในปัจจุบัน ๑
ประโยชน์ในสัมปรายภพ ๑
ธรรมอย่างหนึ่งเป็นไฉน คือ
ความไม่ประมาทในกุศลธรรมทั้งหลาย
กระทู้นี้ชวนให้ไม่ประมาท ควรเจริญกุศลทุกประการ แล้วก็บอกว่าการที่ได้เกิดเป็นคนนี้แสนยาก เกิดเป็นคนแล้วได้พบพระธรรมของพระพุทธเจ้ายึ่งยากกว่า ผมเห็นคนหมู่มากไม่เข้าใจคำที่กล่าวมานี้ ตั้งอยู่ในความประมาทโดยไม่รู้ตัว คิดว่ากำลังศึกษาอยู่เหมือนใกล้เกลือกินด่าง ติดตามพระพุทธอยู่อย่างไกล้ชิดแต่ไม่เห็น เป็นที่น่าเสียดายอย่างยึ่ง เพราะผมเห็นผู้คนจำนวนมากมายโดยทีเดียวที่ได้พบพุทธศาสนา อยู่ใกล้ชิดพุทธศาสนาแต่เข้าใจคำสอนผิดไปจนเป็นการยากที่จะแก้ไข เขาก็ว่าของเขาถูก เราก็ว่าของเราถูก เลยไม่รู้ว่าของใครถูก ยุ่งกันใหญ่เป็นปัญหาใหญ่ เกิดแล้วพบแล้วยังผิดได้นาทีสุดท้าย เพราะฉะนั้น การที่เราได้พบพุทธศาสนา ได้พบพระธรรม ได้พบกัลยาณมิตร ได้พบพระไตรปิฎก จึงเป็นสิ่งที่ประเสร็ฐหาได้ยาก ควรบริหารสิ่งประเสริฐนี้ให้เป็นผล ครับ
ไม่นานหนอ กายนี้จักนอนทับแผ่นดิน กายนี้
มีวิญญาณไปปราศ อันบุคคลทิ้งแล้ว ราวกับท่อนไม้
ไม่มีประโยชน์ ฉะนั้น
พระสุตันตปิฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เรื่องปูติคัตตติสสเถระ
อนุโมทนาค่ะ
ขออนุโมทนาครับ
พระไตรปิฎกและการศึกษาธรรมด้วยความเคารพ (ตั้งใจและนอบน้อม) สำคัญมากจริงๆ ครับ กระผมก็มีเพื่อนที่ชอบนั่งฌาน ชอบไปเดินจงกรม แต่ก็เพราะพระธรรมไม่สาธารณะนี่แหละ ก็เลยต้องศึกษาให้เข้าใจจริงๆ ก่อนแล้วค่อยไปเสวนากับเขา
เมื่อช่วงก่อนเคยพยายามชักชวนเพื่อนให้มาฟังธรรมเหมือนกัน เพราะเสียดายแทนเขาที่ไปเจริญโลภะทุกประการแต่เข้าใจว่ากำลังจะนิพพานชาตินี้ แต่พอพูดถึงพระไตรปิฎกและอรรถกถาต่างๆ เขาก็จะพูดเชิงหมิ่น บอกว่าเล่าต่อๆ กันมา ปฏิบัติเองรู้เองดีกว่า เอ่อ แบบนี้ ถึงเรารู้ เราก็ไม่ควรพูด เพราะเป็นอกุศลหมางใจกันแน่ๆ ก็เลยปล่อยให้เป็นไปตามการสะสมก็แล้วกัน สัทธาเจตสิกจึงเป็นข้อแรกของอริยทรัพย์ด้วยเหตุนี้เอง
"กาลทั้งหลายย่อมล่วงไป ราตรีทั้งหลายย่อมผ่านไป
ชั้นแห่งวัยย่อมละลำดับไป บุคคลเมื่อเห็นภัยนี้ในมรณะพึงละอามิสในโลกเสีย มุ่งสันติ (พระนิพพาน) เถิด" (จาก...สังยุตตนิกาย สคาถวรรค เล่มที่ ๒๔ อัจเจนติสูตร)
ขออนุโมทนาค่ะ
คาดเดาไม่ได้ว่าจะละจากอัตภาพนี้เมื่อใด
และไปสู่ความเป็น...อะไร...ในภพภูมิไหน
โอกาสได้เกิดเป็นมนุษย์แสนยาก
จะได้ฟังพระสัทธรรมก็ยิ่งยาก
คำเตือนใดๆ เพื่อความไม่ประมาททั้งปวง
เพื่อไม่ละเลยโอกาสในการเจริญกุศล
เพื่อการค่อยๆ ขัดเกลากิเลสอกุศล
...จึงนับเป็นพรมีค่า...
ขออนุโมทนาในกุศลจิต กุศลศรัทธา และกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ