การดับกิเลสต้องอาศัยการอบรมเจริญปัญญาที่ยาวนาน
เริ่มด้วยการตั้งใจฟัง และเข้าใจถูกว่าหนทางนี้คือสติปัฏฐานเป็นทางสายเอกค่ะ
การดับกิเลสได้หมดสิ้นเป็นสมุจเฉทเป็นพระอรหันต์นั้นต้องอบรมเจริญ
ปัญญายาวนานมาก จึงควรเริ่มด้วยการฟัง และศึกษาพระธรรมให้เข้าใจ
ค่อยๆ อบรมเจริญปัญญา และอบรมเจริญกุศลทุกประการ (บารมี ๑๐)
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
การดับกิเลสต้องประกอบด้วยภาวนา 4 คือ
1.จิรกาลภาวนาคือการอบรมกุศลและปัญญาตลอดยาวนาน
2.นิรันตรภาวนาคือการอบรมกุศลและปัญญาติดต่อกันไป
3.สัพพสัมภารภาวนาคือการอบรมเจริญกุศลทุกๆ ประการ
4.สักกัจจภาวนาคือการกระทำกุศลโดยเคารพ ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น
ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม 74 อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
เคยได้ยินกัลยาณมิตรกล่าวถึงภาวนาแต่ละลักษณะ แยกกัน ในโอกาสต่างๆ
เพิ่งมาได้ยิน ภาวนา ครบทั้ง 4 ลักษณะ พร้อมกันในวันนี้ จึงขอนำลิ้งค์มาแสดงไว้
เพื่อความสะดวกแก่ผู้สนใจใคร่ศึกษา ดังนี้
พระสุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม ๙ ภาค ๓ - หน้าที่ 35ขออนุโมทนาคุณเผดิมผู้นำภาวนา 4 มาแสดงครับ
ปัญญาเป็นพืชที่โตช้า รู้หรือยังปัญญาจะโตได้อย่างไร ปัญญาเป็นเจตสิกเป็นธาตุรู้ รู้อย่างไร โตอย่างไร ยังมีธาตุรู้อีกคือ สัญญารู้และวิญญาณรู้ ถ้ารู้ความแตกต่างของสามอย่างนี้ การฟังธรรมก็ได้ผล ครับ
ปัญญาเจตสิก เป็นเจตสิกที่เห็นถูก เข้าใจถูกในสภาพธรรม และในเหตุผล
ของสภาพธรรมนั้นๆ เพราะฉะนั้นปัญญาเกิดจากการอบรมความเข้าใจความ
จริงในสภาพธรรมขณะนี้ไม่ใช่ไปคิดนึกเอาเอง ปัญญาเป็นเพียงธาตุรู้ ธาตุที่
เข้าใจถูกเห็นถูกที่อาศัยการฟังการพิจารณา แล้วก็ค่อยๆ เจริญเติบโตขึ้นเข้า
ใจขึ้นตามลำดับโดยไม่ต้องไปหวังผลหรือคิดว่าเราเข้าใจมิเช่นนั้น ขณะนั้นก็ เป็นอกุศล การอบรมเจริญปัญญากว่าจะดับกิเลสจนหมดจึงต้องใช้เวลายาว
นานมากอย่างที่คุณpaderm ความเห็นที่ 4 ได้แสดงไว้
การดับกิเลสต้องประกอบด้วยภาวนา 4 คือ
1.จิรกาลภาวนาคือการอบรมกุศลและปัญญาตลอดยาวนาน
2.นิรันตรภาวนาคือการอบรมกุศลและปัญญาติดต่อกันไป
3.สัพพสัมภารภาวนาคือการอบรมเจริญกุศลทุกๆ ประการ
4.สักกัจจภาวนาคือการกระทำกุศลโดยเคารพ ไม่ใช่เพื่ออย่างอื่น
ขุททกนิกาย จริยาปิฎก เล่ม 74
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกท่านค่ะ