ได้ยินแล้วคิด_14

 
Khaeota
วันที่  10 ม.ค. 2552
หมายเลข  10873
อ่าน  1,013

ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ได้ยิน ท่าน อ สุจินต์ แสดง "รู้ทั่ว"

ได้ยินแล้วคิด

"รู้" อะไร อย่างไร...

"ทั่ว" อย่างไร อะไร...

ขออนุโมทนาในกุศลจิตทุกๆ ท่านค่ะ


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
wannee.s
วันที่ 10 ม.ค. 2552

เป็นผู้มีปกติเจริญสติปัฏฐานระลึกรู้ลักษณะของนามธรรมและรูปธรรม รู้ทั่วทั้ง ๖ ทวาร ไม่เว้น แล้วแต่สติระลึกรู้อะไร ทีละอย่าง ทีละลักษณะ ไม่ปนกัน ที่สำคัญไม่มีตัวตนไป บังคับให้สติเกิดหรือจดจ้องไม่ผิดปกติ ต้องเป็นปัญญาเท่านั้นจึงจะรู้ว่าไม่มีสัตว์ บุคคล

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
paderm
วันที่ 10 ม.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

"รู้" อะไร อย่างไร ... ปัญญาทำหน้าที่รู้ รู้สภาพธรรมที่มีจริงในขณะนี้ว่าเป็นธรรมไม่ใช่เรา

"ทั่ว" อย่างไร อะไร ... การรู้ความจริงก็ไม่พ้นจากทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ การอบรม ปัญญาเพื่อเข้าใจสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ ไม่ใช่เพียงรู้ลักษณะของสภาพธรรบางอย่าง เท่านั้นแต่ปัญญาต้องเจริญด้วยการรู้ทั่วคือรู้ทั่วทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจแต่เป็น ไปตามเหตุปัจจัยที่สติจะเกิดระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมโดยที่ไม่เจาะจงที่จะเลือกรู้ ทางหนึ่งทางใดเป็นหน้าที่ของธรรม

หากไม่รู้ทั่วในสภาพธรรมที่มีในขณะนี้ทั้ง ๖ ทวารแล้วก็ย่อมทำให้ยึดถือสภาพธรรม บางอย่างเป็นเราเป็นสัตว์บุคคลก็ย่อมไม่สามารถดับความเห็นผิดได้แต่กว่าจะถึงการรู้ ทั่วในสภาพธรรมทั้งทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจนั้นก็ต้องเริ่มจากการฟังให้เข้าใจดังนั้น ปัญญาต้องเป็นไปตามลำดับขั้นและเมื่อความเข้าใจมั่นคง สติก็เกิดระลึกรู้ลักษณะของ สภาพธรรมบางอย่างบางทวารแต่ก็ยังไม่รู้ทั่วแต่เมื่อสติเกิดขึ้นบ่อยๆ ปัญญาเจริญขึ้นก็ รู้ทั่วในสภาพธรรมทั้ง ๖ ทวาร สำคัญที่สุดคือต้องเข้าใจเบื้องต้นให้ถูกต้องจึงจะถึงการ รู้ทั่วครับ เป็นเรื่องปัญญาที่รู้ทั่วจริงๆ ซึ่งต้องอาศัยการอบรมยาวนานจึงต้องไม่ขาดการ ฟังพระธรรมครับ

ขออนุโมทนา

อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
พุทธรักษา
วันที่ 10 ม.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
narong.p
วันที่ 11 ม.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
เมตตา
วันที่ 11 ม.ค. 2552

"รู้" อะไร อย่างไร...

"ทั่ว" อย่างไร อะไร...

"รู้" ในลักษณะของสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริง

"ทั่ว" หมายความว่า รู้ในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฎทั่วถูกต้อง ตรงตามความเป็นจริงทั้ง ๖ โลก คือ โลกทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ

ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
khampan.a
วันที่ 11 ม.ค. 2552

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น

ชีวิตที่ดำเนินไปในแต่ละวัน ไม่พ้นไปจากสภาพธรรมที่มีจริง ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งถึงจิตขณะสุดท้ายของภพนี้ชาตินี้ เป็นสภาพธรรมแต่ละอย่างๆ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นในยุคใดสมัยใดก็ตาม สภาพธรรมที่มีจริงนั้น ไม่พ้นไปจากทางตา ทางหูทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย และทางใจ ไม้พ้น ๖ ทางนี้เลย การที่จะเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริงนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะเหตุว่าธรรมเป็นเรื่องที่ละเอียด ลึกซึ้ง ยาก กว่าที่จะค่อยๆ เข้าใจขึ้นได้นั้นต้องอาศัยการฟัง การศึกษา มีความอดทนทีจะฟัง ที่จะศึกษา บ่อยๆ เนืองๆ เมื่อมีความรู้ความเข้าใจเพิ่มขึ้นๆ ย่อมมีเหตุปัจจัยให้สติปัญญาเกิดขึ้นระลึกรู้ตรงลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง โดยที่ไม่มีตัวตนที่จะไปบังคับบัญชา เพราะการรู้สภาพธรรมตามความเป็นจริงนั้น ต้องเป็นปัญญาที่เกิดขึ้นทำกิจหน้าที่ ไม่มีใครไปทำรู้ให้เกิดขึ้นได้ แต่สามารถอบรมเจริญขึ้นได้ในชีวิตประจำวัน และการรู้นั้นไม่ได้จำกัดที่จะรู้เฉพาะทางใดทางหนึ่ง หรือ รูปใด นามใด โดยเฉพาะ แต่ต้องทั่วทั้ง ๖ ทาง และประการที่สำคัญ จะรู้ทั่วยังไม่ได้ ถ้าหากว่ายังไม่มีความรู้ความเข้าใจในขั้นของการฟังเรื่องของสภาพธรรม ดังนั้น จึงขาดการฟังพระธรรมไม่ได้เลย ครับ

...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 7  
 
JANYAPINPARD
วันที่ 12 ม.ค. 2552

อนุโมทนาคะ

 
  ความคิดเห็นที่ 8  
 
orawan.c
วันที่ 12 ม.ค. 2552

ขออนุโมทนาค่ะ ทุกความเห็นชัดเจนดี

 
  ความคิดเห็นที่ 9  
 
suwit02
วันที่ 12 ม.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 10  
 
ajarnkruo
วันที่ 12 ม.ค. 2552

"รู้ทั่ว" เป็นผล คิดถึงผลได้ แต่ไม่ควรลืมเหตุคือการอบรมปัญญา เริ่มจากขั้นฟัง ฟังแล้วพิจารณา จนกว่าจะมั่นคงเป็นสัจจญาณ

...ขออนุโมทนาครับ...

 
  ความคิดเห็นที่ 11  
 
chatchai.k
วันที่ 17 ธ.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ