พระสังฆรัตนะ...อนาถบิณฑิกเศรษฐี
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
แนวทางเจริญวิปัสสนา
โดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์
ขอกล่าวถึงท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ท่านเป็นผู้สร้างพระวิหารเชตวันถวายพระผู้มีพระภาค และพระภิกษุสงฆ์ เมื่อได้ยินชื่อท่านก็มักจะนึกถึงท่าน ในฐานะที่เป็นอุบาสกสาวก ผู้เลิศในการถวายทาน แต่ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ท่านเป็นพระอริยสาวกด้วย ท่านรู้แจ้งธรรมในขณะที่ได้ฟังพระธรรม จากพระผู้มีพระภาค ฉะนั้น เมื่อระลึกถึงท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ก็ควรระลึกถึงคุณธรรม ในความเป็นพระอริยสาวกของท่านด้วย
สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเสด็จลุกขึ้นจงกรมในที่แจ้ง ในเวลาใกล้รุ่ง เห็นท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี พระองค์เสด็จลงจากที่จงกรมประทับบนอาสนะที่ปูลาดไว้ ครั้นแล้ว ได้ตรัสกับท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ว่า " มาเถิด สุทัตตะ"
อนาถบิณฑิกเศรษฐี เบิกบานใจ ที่พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกชื่อ จึงเข้าไปซบศรีษะลงแทบพระบาทของพระผู้มีพระภาค กราบทูลว่า "ข้าแต่พระผู้มีพระภาคผู้เจริญ พระองค์ประทับสำราญหรือพระพุทธเจ้าข้า"
พระผู้มีพระภาคตรัสโดยคาถาว่า "พราหมณ์ ผู้ดับทุกข์ได้แล้วย่อมอยู่เป็นสุขแท้ ทุกเวลาผู้ใดไม่ติดในกาม มีใจเย็น ไม่มีอุปธิตัดความเกี่ยวข้องทุกอย่างแล้ว บรรเทาความกระวนกระวายในใจถึงความสงบแห่งจิต เป็นผู้ระงับแล้ว ย่อมอยู่เป็นสุข"
ต่อจากนั้น พระผู้มีพระภาคตรัสอนุปุพพิกถา คือ กถาเรื่อง ทาน ศีล สวรรค์ โทษของกาม และ อริยสัจจ์ ๔..
อนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้ดวงตาเห็นธรรม ได้บรรลุธรรม ได้รู้ธรรม แจ่มแจ้งแล้ว มีธรรมหยั่งลงแล้ว ข้ามความสงสัยได้แล้ว ปราศจากถ้อยคำแสดงความสงสัย ถึงความเป็นผู้แกล้วกล้า ไม่ต้องเชื่อฟังผู้อื่น ในคำสอนของพระศาสดา
ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้พูดคำนี้แด่พระผู้มีพระภาค ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ภาษิตของพระองค์ไพเราะนัก พระพุทธเจ้าข้าพระองค์ทรงประกาศธรรมโดยเอนกปริยายอย่างนี้ เปรียบเหมือนบุคคลหงายของที่คว่ำ เปิดของที่ปิดบอกทางแก่คนหลง หรือส่องประทีปในที่มืด ด้วยตั้งใจว่า คนมีจักษุ จะพึงเห็นรูป ดังนี้ ข้าพระพุทธเจ้านี้ ขอถึงพระผู้มีพระภาค พระธรรม และ พระสงฆ์ ว่าเป็นสรณะ ขอพระองค์ทรงจำข้าพระพุทธเจ้า ว่า เป็นอุบาสกผู้มอบชีวิตถึงสรณะจำเดิมแต่วันนี้ เป็นต้นไป."
นี่คือ พระอริยบุคคล ซึ่งเป็นอุบาสก ผู้เลิศในการถวายทานผู้เป็นสังฆรัตนะ คือ ได้บรรลุธรรมเป็นพระอริยบุคคล
ขออนุโมทนา
ขออุทิศกุศลแด่สรรพสัตว์
ขออนุโมทนาท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ได้ฟังธรรมจากพระโอษฐ์ จากไม่ติดในกาม อยู่เป็นสุข จนมรรคจิตเกิด มรรคผลเกิด เป็นพระอริยเจ้า หลายปีก่อนผมเคยไปวัดเชตวัน มีความรู้สึกว่าเป็นสวนใหญ่สวย มีผู้ดูแล มีที่บอกว่าเป็นที่ประทับของพระพุทธเจ้า พระสารีบุตร ฯลฯ เห็นรูปที่โพสต์มานี่ก็ยังจำได้ ขณะนั้นไม่รู้หรอกว่าได้มายืนอยู่บนสถานที่ทีเคยมีรอยเท้าของพระอรหันต์อยู่เป็นจำนวนมาก โอกาสช่างต่างกันเหลือเกิน แต่ก็ตามมีตามได้ ครับ
สาธุ ข้าพเจ้าได้อ่านแล้วมีความปีติเกิดขึ้นมาก
ขออนุโมทนาคุณพุทธรักษาด้วยครับ
รบกวนฝากประชาสัมพันธ์ด้วยครับ โครงการปริญญาโทสาขาวิชาพุทธศาสนศึกษา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รับสมัครนักศึกษาใหม่ ตั้งแต่บัดนี้ ถึง ๒๐ มกราคม ๒๕๕๒ สมัครด้วยตนเองที่ห้อง ๑๐๔ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
แม้จะเป็นคฤหัสถ์ในสมัยพุทธกาล ก็สามารถที่จะบรรลุอริยสัจจธรรมได้ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ท่านเป็นพ่อค้า ท่านไม่ได้ไปปฏิบัติอะไรที่ผิดไปจากปกติเพียงแต่เมื่อท่านได้ไปเฝ้าฟังพระธรรมจากพระโอษฐ์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยบารมีที่สะสมมา จึงทำให้ท่านถึงพร้อมด้วยปัญญาที่สามารถแทงตลอดธรรมะที่ปรากฏในขณะที่ได้ฟังพระธรรมในขณะนั้นได้บรรลุวิปัสสนาตามขั้น ดับความเห็นผิดเป็นสมุจเฉท บรรลุเป็นพระโสดาบันบุคคลถึงความเป็นอริยสาวก ผู้มีความศรัทธาไม่หวั่นไหว เป็นสังฆรัตนะ ให้เราได้ระลึกถึงคุณธรรมของท่านตราบจนทุกวันนี้...
ขออนุโมทนาครับ...