ฟังเท่าไร...ก็ไม่พอ ไม่มีวิธีอื่น

 
พุทธรักษา
วันที่  28 ม.ค. 2552
หมายเลข  11000
อ่าน  1,207

ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย

สนทนาธรรมกับชาวกัมพูชาโดย อาจารย์สุจินต์ บริหารวนเขตต์

เมื่อได้เริ่ม ฟังพระธรรม และเห็นว่า พระธรรมยาก ก็ไม่ควรท้อถอย เมื่อไม่ท้อถอยในการอบรมเจริญปัญญา สิ่งที่ยากนี้ ก็จะค่อยๆ ง่ายขึ้นๆ ทีละเล็ก ทีละน้อย

ผู้ที่มีความเข้าใจพระธรรม หลังจากฟังพระธรรมแล้ว ก็ไม่ควรลืมที่จะคิด พิจารณาพระธรรม ที่ได้ฟังแล้ว หรือ เมื่อมีเวลาว่าง ก็อาจจะอ่านพระไตรปิฎกหรือ เมื่อตื่นนอนขึ้นมา ก็ยังนึกถึงธรรมที่ได้ฟังแล้วอย่างเช่นเรื่องกาย ซึ่งกระทบสภาพที่แข็ง ระลึกรู้ว่า ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล

เมื่อผู้นั้นมี สัญญาที่มั่นคง คือ ความจำที่มั่นคงในพระธรรม และ มีศรัทธา มีอินทรีย์ ๕ ที่ได้สะสมมาแล้วก็จะเป็นปัจจัยให้สติเกิด ระลึกรู้ ลักษณะ ของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ตามปกติ ตามความเป็นจริง ในขณะนั้น

เพราะรู้ว่า ธรรมแท้ๆ ไม่ได้อยู่ในหนังสือไม่ว่าจะเป็นเรื่องจิต เรื่องเจตสิก เรื่องรูป หรือ เรื่องสภาพธรรม ใดๆ ในพระไตรปิฎกก็คือ สภาพธรรม ขณะนี้ ที่กำลังปรากฏ ตัวจริงๆ ของธรรม คือ ขณะนี้

เมื่อปัญญา เพิ่มมากขึ้น ก็จะมีการระลึกรู้ ลักษณะ ของสภาพธรรม ด้วยความเข้าใจ ไม่ใช่อยากจะเข้าใจเมื่อฟังเข้าใจ สติ ก็ระลึก แล้วรู้ ตามที่เข้าใจซึ่ง ก็ขึ้นอยู่กับการฟังนั้น ว่า เข้าใจมาก หรือเข้าใจน้อย แล้วแต่เหตุปัจจัย

ถ้าฟัง แล้วเกิดความเข้าใจ มากขึ้น มีการตรึก การนึกถึงพระธรรมมากขึ้น สติ ก็ระลึก และ ค่อยๆ รู้ ความจริงของสภาพธรรม มากขึ้นแต่ก็ไม่ควรเป็นผู้ที่ประมาท ทุกท่านในที่นี้ มีโอกาสได้สดับพระธรรมที่พระผู้มีพระภาค ทรงตรัสรู้ และทรงแสดงไว้โดยที่ท่าน ไม่ต้องบำเพ็ญบารมี ถึงความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เช่น พระองค์ แต่ ท่านก็สามารถรับฟังพระธรรม และปฏิบัติ ตามหนทาง ที่พระองค์ ทรงแสดงไว้แล้ว ได้

ไม่มีวิธีอื่น เพราะปัญญาจะเกิดได้ ต้องมีการฟัง และฟังด้วยดี ถ้าฟังเฉยๆ ท่านไม่เรียกว่าฟังพระธรรม แต่ท่านเรียกว่า ได้ยินคือ ฟัง แล้วก็ผ่านหูไป โดยไม่เกิดความเข้าใจ ในสิ่งที่ได้ฟังแต่ การฟังพระธรรม หมายความว่า มีการสดับ จริงๆ ในเรื่อง ที่กำลังฟัง แล้วก็มีการพิจารณา ด้วยความแยบคาย และ ข้อสำคัญที่สุด ก็คือว่า ผู้ฟังจริงๆ นั้น คือ ผู้ที่ฟังแล้ว ปฏิบัติตามด้วยไม่ใช่เพียง ฟังเข้าใจ แต่ว่า ไม่ปฏิบัติตาม

แม้แต่ พระอรหันต์ ท่านก็ยังฟังพระธรรม ต่อไปพระผู้มีพระภาค ทรงแสดงพระธรรมถึง ๔๕ พรรษาแล้วเรา ฟังพระธรรม มานานเท่าไร ถ้ายังไม่เริ่มที่จะค่อยๆ เข้าใจลักษณะของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ จริงๆ ฟังเท่าไร ก็ยังไม่พอ

ดังนั้น การที่บางท่าน อยากจะไปปฏิบัติ กับการที่ เริ่มมีความเข้าใจ ลักษณะ ของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ตามปกติ ตามความเป็นจริง ขณะนี้ และ การอยากหมดกิเลส ไม่เหลือเลย กับการฟังพระธรรม เข้าใจ ลักษณะ ของสภาพธรรมควรจะเป็นอย่างไหน

เมื่อมีความเชื่อ ในพระปัญญาคุณ ของพระผู้มีพระภาค จริงๆ ก็ย่อมจะฟังพระธรรมด้วยดี และศึกษาพระธรรมให้เข้าใจจริงๆ เพื่อจะได้อบรมเจริญปัญญา สามารถที่จะรู้แจ้ง อริยสัจจธรรมตามที่ พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแสดงไว้

ขออนุโมทนา

ขออุทิศกุศลแด่สรรพสัตว์


  ความคิดเห็นที่ 1  
 
suwit02
วันที่ 28 ม.ค. 2552

สาธุ

 
  ความคิดเห็นที่ 2  
 
วันชัย๒๕๐๔
วันที่ 29 ม.ค. 2552

ขอกราบอนุโมทนาท่านผู้โพสต์ ขออนุโมทนาในความเพียร ความละเอียด ความเมตตากรุณาต่อสรรพสัตว์

 
  ความคิดเห็นที่ 3  
 
ที่พึ่งที่ระลึก
วันที่ 31 ต.ค. 2552

ขออนุโมทนาครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 4  
 
ลุงกิด
วันที่ 2 พ.ย. 2552

ผมคิดว่า ฟังอย่างเดียวหรือรู้อย่างเดียวคงไม่เกิดประโยชน์เท่าไหร่ ถ้าน้อมที่จะประพฤติปฏิบัติตามชีวิตประจำวันด้วย...น่าจะดีนะครับ

 
  ความคิดเห็นที่ 5  
 
pamali
วันที่ 17 มิ.ย. 2553

กราบอนุโมทนาค่ะ

 
  ความคิดเห็นที่ 6  
 
chatchai.k
วันที่ 19 ก.ค. 2563

ขออนุโมทนาครับ

 
เขียนความคิดเห็น กรุณาเข้าระบบ