เป็นพระโสดาบัน ทำยากไหมคะ มีข้อปฎิบัติอย่างไรบ้าง
อยากทราบแนวทางจะได้ลองฝึกปฏิบัติสะสมไว้เรื่อยๆ เผื่อชาตินี้ จะได้เป็นพระโสดาบันบ้าง ชาตินี้ไม่ได้ ชาติหน้าก็ยังดีค่ะ
ไม่มีหนทางอื่นนอกจากฟังธรรมให้เข้าใจ และพิจารณาธรรม ผู้ที่ได้รู้แจ้งอริยสัจจธรรม ไม่ได้ฟังธรรมเฉพาะชาตินี้ชาติเดียว แต่ท่านเหล่านั้นได้สั่งสมบุญมาเป็นกัปป์ๆ จึงได้ บรรลุ เช่น ท่านพระสารีบุตรได้บำเพ็ญบารมีมาหนึ่งอสงไขยแสนกัปป์ และได้ฟังธรรม จากท่านพระอัสสชิจึงได้บรรลุเป็นพระโสดาบันแล้วออกบวช ต่อมาอีก 15 วัน ได้ฟัง ธรรมจากพระพุทธเจ้าที่แสดงแก่ฑีฆนขปริพาชกแล้วได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ค่ะ
เป็นพระโสดาบัน ทำ ไม่ยากเลยครับ แค่ประกาศก็เป็นแล้ว แต่จะศึกษาธัมมะ ไม่ใช่ทำ จนกระทั่งโสดาปัตติผลจิตเกิด เป็นคุณลักษณะของโสดาบันที่ถูกต้อง นี้สิยาก ต้องอาศัยเวลาเป็นอสงไขยแสนกัปป์ กัปป์หนึ่งก็เป็นเวลาที่เอาเกวียนบรรทุกงามาเต็ม ร้อยปีงาก็หล่นลงหนี่งเม็ด จนหล่นหมดเกวียน เรียกหนี่งกัปป์ และเป็นแสนกัปป์ ยากไหม ยังคิดจะเป็นโสดาบันอยู่อีกหรือเปล่า ครับ
ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์นั้น
เนื่องจากเป็นผู้หนาแน่น มากไปด้วยกิเลสประการต่างๆ จึงมีการเกิดอยู่ร่ำไป จากภพหนึ่งไปสู่อีกภพหนึ่ง สังสารวัฏฏ์ยังดำเนินต่อไปอย่างไม่มีวันจบสิ้น ในชีวิตประจำวัน จะเห็นได้ว่ามีกิเลสเกิดขึ้นมากมาย สาเหตุก็เพราะได้สั่งสมมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน เมื่อได้เหตุได้ปัจจัยก็เกิดขึ้น เป็นปกติธรรมดา ดังนั้น ถ้าหากว่าปรารถนาที่จะเป็นผู้มีกิเลสที่ลดน้อยลงในชาติหน้า ก็ต้องเริ่มอบรมเจริญปัญญาตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ค่อยๆ สะสมความเข้าใจถูก เห็นถูกขึ้นไปตามลำดับ ไม่เป็นผู้ประมาทในการศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรม อบรมเจริญปัญญาในชีวิตประจำวัน หนทางอื่นไม่มี นอกจากการอบรมเจริญปัญญา เท่านั้น ครับ
...ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านครับ...
- เมื่อตอนที่ผมเริ่มศึกษาพระธรรม พอได้ทราบว่าพระโสดาบันเป็นผู้ที่ตายแล้วจะไม่ ไปสู่อบายภูมิ แต่จะไปเกิดในสุขติภูมิเท่านั้น ทำให้อยากเป็นมากๆ จะได้ไม่ต้องไปเกิด ในที่ลำบากๆ
- แต่เมื่อศึกษาต่อมาก็ทำให้ทราบว่าสิ่งที่คิดไว้แต่ต้นเป็นเรื่องของ "ผล" ซึ่งไม่มีทาง เกิดขึ้นได้เลยหากปราศจาก"เหตุ"ที่สมควร และที่สำคัญ ทุกครั้งที่เกิดความอยาก ก็เท่ากับถูกผลักให้ออกห่างจาก"ผล"นั้นไกลออกไปทุกที
เหตุที่จะทำให้เป็นพระโสดาบันนั้น คือปัญญาที่เข้าใจความเป็นจริงทั้งที่ตัวเรา และภายนอก ดังนั้น หากประสงค์จะสะสมแนวทางอันนำไปสู่การรู้แจ้งธรรมเป็น พระโสดาบัน ก็ควรสะสมปัญญาอันได้แก่ความเข้าใจถูกเห็นถูก โดยเริ่มด้วยการฟัง พระธรรมให้ค่อยๆ เข้าใจครับว่า ธรรมะคืออะไร
จะทำอย่างไรก็ไม่มีวันทำสำเร็จ มีเพียงหนทางเดียวคือ การอบรมเจริญอริยมรรค์มีองค์ ๘ ซึ่งก็คือการอบรมเจริญสติปัฎฐานซึ่งเป็นทางที่จะให้รู้ความจริงของสภาพธรรม ที่กำลังปรากฎขณะนี้ตามความเป็นจริง ต้องเริ่มด้วยการฟังพระธรรมให้เข้าใจ ค่อยๆ อบรมความเห็นถูกเข้าใจถูกในลักษณะของสภาพธรรมตรงตามความเป็นจริงค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตของทุกๆ ท่านค่ะ
เป็นพระโสดาบันไม่ได้ด้วยความอยาก
แต่เป็นได้ ด้วยการอบรมเจริญเหตุที่ถูก
ผลใดๆ ย่อมไหลมาจากเหตุค่ะ
ขออนุโมทนาในกุศลจิตและกุศลวิริยะของทุกท่านค่ะ
ดิฉันได้อ่านข้อความแล้วของทุกท่าน รู้สึกซาบซึ้งในความมีเมตตาจิต ที่จะอธิบายให้ เข้าใจ คือ เข้าใจในธรรมว่าเป็นไตรลักษณ เดินตามมรรคมีองค์ ๘ มีศีล สมาธิ ปัญญา และอื่นๆ และไม่ต้องอยากเป็น เมื่อเหตุปัจจัยได้ก็เป็นเอง ใช่ไหมคะ เช่น ดิฉันจะทำ ให้ได้มะม่วงเองไม่ได้ ดิฉันต้องปลูกต้นมะม่วง รดน้ำ พรวนดินใส่ปุ๋ย เมื่อต้นมะม่วงโต และแข็งแรง อากาศเย็นร้อนพอดี มะม่วงเขาก็ออกดอกและให้ผลมะม่วงเอง เข้าใจถูกไหมคะ
ขอนอบน้อมแด่พระรัตนตรัย
จะได้ผลมะม่วงก็ต้องปลูกมะม่วง ที่สำคัญปลูกอย่างไร ปลูกด้วยเมล็ดพันธุ์อะไร จึงต้องเริ่มจากเหตุที่ถูกต้องก่อนครับ เมื่อเหตุถูกผลก็ต้องถูก แต่เหตุผิดผลก็ต้องผิด ดังนั้นต้องเริ่มจากการฟังพระธรรมให้เข้าใจก่อนครับ เข้าใจว่าธรรมคืออะไรและธรรมจะทำหน้าที่ปฏิบัติเอง ไม่ใช่เราจะไปปฏฺิบัติหรือไปนั่งสมาธิ อบรมขั้นการฟังให้เข้าใจ ว่าขณะนี้เป็นธรรมไม่ใช่เรา เริ่มจากการฟังให้เข้าใจครับเมื่อเข้าใจถูกต้องขั้นการฟังคือ เหตุถูกแล้ว ก็ย่อมได้ผลมะม่วงแน่นอนครับ แต่การอบรมปัญญายาวนานกว่าการปลูก มะม่วงจนได้ผลมะม่วง ขอให้ฟังไฟล์ธรรมในเวปหรืออ่านและร่วมสนทนาก็ได้ครับ
อุทิศกุศลให้สรรพสัตว์
เป็นพระโสดาบัน ทำยากครับ เพราะทำไม่ได้ จะขอข้อปฏิบัติไปทำ เผื่อจะได้เป็นพระโสดาบันวันใดวันหนึ่งขึ้นมา ด้วยความหวัง ด้วยความต้องการ ก็เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้อีก เพราะพระธรรมทีทรงแสดงทั้งหมดนั้น เป็นไปเพื่อการ "ละ" เท่านั้นจริงๆ ละความอยากที่จะได้ในผลซึ่งยังไม่สมควรแก่เหตุ ละความไม่รู้ความจริงที่ไม่เคยรู้มาก่อน ละความเห็นผิดที่ยึดถือความจริงว่าเป็นเรา เป็นของเรา ซึ่งถ้าใครสอนให้เราหวัง สอนให้เราอยาก ก็ต้องไม่ตรงกับพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง แต่ถ้าใครสอนให้เราเข้าใจในเหตุและผลของความจริง ที่เป็นสัจธรรม และทำให้เราเกิดความเห็นถูกขึ้นว่าความจริงของสิ่งที่มีจริงๆ ในขณะนี้ เป็นสิ่งที่ควรจะรู้ว่า ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาอย่างไร แล้วทำให้ปัญญาของเราเจริญขึ้นจากคำสอนนั้นอย่างเป็นลำดับโดยเป็นปกติได้ บุคคลผู้นั้นก็เป็นผู้มีพระคุณอย่างยิ่งที่ได้ชี้ขุมทรัพย์อันประเสริฐสูงสุดให้เรา ด้วยการบอกหนทางปฏิบัติธรรมที่ถูกต้องแก่เราครับ